TEKA เผย Backlog แตะ 3,376 ล้านบาท รับอานิสงส์โครงการใหญ่ครึ่งปีหลัง 68

TEKA เผยครึ่งปีหลัง 68 เดินหน้ารับรู้รายได้จากโครงการในมือ ขณะที่ลูกค้ากลุ่ม Top Developer หนุน Backlog แตะ 3,376 ล้านบาท เสริมด้วยงานใหม่อีกหลายโครงการ พร้อมขยายฐานสู่หลากหลายอุตสาหกรรม และต่อยอดบริการ Turnkey Project ครอบคลุมครบวงจร

ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง 2568 มีทิศทางสดใสกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดว่าผลงานจะเร่งตัวชัดเจนในไตรมาส 3 และ 4 จากการทยอยรับรู้รายได้โครงการก่อสร้าง และการได้รับงานใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต หลังจากเริ่มเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 2 โดยมีลูกค้าหลักเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย (Top Developer) ที่ยังคงมอบความไว้วางใจ แม้กำลังซื้อในประเทศยังคงเปราะบาง

อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับงานใหม่แล้ว 4 โครงการในปีนี้ และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง อาทิ โครงการ Reference เอกมัย, โรงเรียนนานาชาติ Raffles American School, โครงการ SKV51 และล่าสุด โครงการ WIDEN by Sansiri ซึ่งช่วยเสริมงานในมือ (Backlog) แตะระดับ 3,376 ล้านบาท พร้อมกับมีโครงการอยู่ใน Pipeline การประกวดราคาอีกประมาณ 20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานเพิ่มอีก 1–2 โครงการเข้ามาเพิ่มเติม

TEKA รุกขยายฐานลูกค้าหลากอุตสาหกรรม ดันบริการครบวงจร Turnkey หนุนสู่ผู้รับเหมาชั้นนำ

และเพื่อกระจายความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว TEKA ได้ขยายฐานลูกค้าไปสู่หลายอุตสาหกรรม เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม โรงงาน ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน รวมถึงรุกขยายบริการ Turnkey Project ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจ ออกแบบ ไปจนถึงก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความครบวงจรและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า อีกทั้ง บริษัทยังยกระดับสู่การเป็นผู้รับเหมาชั้นนำ (Tier 1) เข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียม Luxury และต่อยอดโครงการระดับ Hi-End ต่อเนื่อง พร้อมรักษาสภาพคล่องและควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกจุดแข็งที่สำคัญของ TEKA คือ “สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง” บริษัทไม่มีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ซึ่งถือเป็นฐานะการเงินที่แข็งแรงกว่าหลายผู้รับเหมาในตลาด ขณะที่อัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูงราว 8–9% ซึ่งนับว่าโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจก่อสร้างที่กำลังเผชิญความท้าทายในปัจจุบัน

นอกจากนี้ TEKA ยังให้ความสำคัญกับ ESG โดยเฉพาะการลดคาร์บอนฟุตพรินต์และการพัฒนาคาร์บอนเครดิต ซึ่งเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นในปีนี้ เป็นอีกหนึ่งทิศทางที่สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการส่งมอบงานคุณภาพ มาตรฐานสูง และความปลอดภัย ทำให้ TEKA ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านการก่อสร้างอาคารสูงและโครงการขนาดใหญ่ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งเก่าและใหม่อย่างต่อเนื่อง