ปตท. เร่งปรับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก ติดตั้งวอร์รูมรับมือความผันผวน พร้อมทบทวนกลยุทธ์ทุกมิติ

ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวนและราคาพลังงานที่มีแนวโน้มชะลอตัว กลุ่ม ปตท. (PTT) ประกาศเดินหน้าปรับแผนเชิงรุกเสริมความแข็งแกร่งจากภายใน ผ่านการติดตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ พร้อมทบทวนกลยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งด้านพลังงาน ไฮโดรเจน EV Value Chain และการเงิน เพื่อสร้างความต่อเนื่องของการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ควบคู่กับพันธกิจในการดูแลสังคมไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ

วานนี้ (21 พ.ค. 68) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เผยความสำเร็จครบรอบ 1 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตระดับโลกอย่างยั่งยืน” พร้อมประกาศผลไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 23,315 ล้านบาท ส่งรายได้เข้ารัฐในรูปแบบภาษี จำนวน 7,256 ล้านบาท สะท้อนผลจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์หลัก 2 ด้าน คือการมุ่งเน้นธุรกิจกลุ่ม Hydrocarbon และการปรับพอร์ตธุรกิจสู่สมดุลใหม่ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งภายในกลุ่ม

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ปตท. มุ่งเน้นการบริหารธุรกิจด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งอาทิตย์ เป็น 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเพิ่มหุ้นในโครงการสินภูฮ่อม พร้อมลงทุนในแหล่ง Ghasha สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผ่านบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.)

ทางด้าน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้ขยายธุรกิจพลังงานสะอาดในอินเดียและไต้หวัน ตอบสนองแนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้น

เดินหน้าสู่ศูนย์กลาง LNG และขยายลงทุน EV–Life Science อย่างสมดุล

ส่วนธุรกิจ LNG ปตท. ใช้จุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลาง LNG ของภูมิภาค โดยมีการนำเข้า LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาระยะยาวและการซื้อขายแบบ Spot รวมถึงการพัฒนาโครงการ LNG Supply Chain แบบครบวงจร

นอกจากนี้ กลุ่ม GC ยังเสริมความมั่นคงด้านวัตถุดิบด้วยการนำเข้าอีเทนจากสหรัฐอเมริกา และบริหารจัดการร่วมกับกลุ่ม ปตท. ผ่านโครงการ P1 และ D1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Non-Hydrocarbon ปตท. ได้ปรับแนวทางการลงทุนใหม่ให้สอดคล้องกับความถนัด โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจ EV Value Chain โดยเฉพาะการชาร์จไฟฟ้า ธุรกิจโลจิสติกส์ที่สร้างประโยชน์ร่วมภายในกลุ่ม และธุรกิจ Life Science ในส่วนของ Pharmaceutical และ Nutrition ที่ร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ พร้อมบริหารความเสี่ยงโดยคงความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางการเงิน (Self-funding)

ส่วนในด้านความยั่งยืน ปตท. ยืนยันเป้าหมายสู่ Net Zero ภายในปี 2050 พร้อมเดินหน้าแผนปฏิบัติการที่คำนึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเมื่อเทียบกับต้นทุนด้านคาร์บอน เช่น ภาษีคาร์บอนที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และCCS Hub Model เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและความร่วมมือเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตร

ในมิติของการบริหารการเงิน ปตท. ยังคงความมั่นคงแข็งแรง โดยมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2567 ที่ 2.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ พร้อมขยายเงื่อนไขเครดิตทางการค้าในกลุ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง อีกทั้งยังมีแผนการซื้อหุ้นคืนในปี 2568 เพื่อบริหารจัดการสภาพคล่องและเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น

จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและราคาพลังงานที่มีแนวโน้มลดลง ปตท. ได้เตรียมแผนรับมือครอบคลุมการดำเนินงาน 5 ด้าน ได้แก่ 1. Strategy ทบทวนกลยุทธ์เดิมพร้อมพิจารณาความท้าทายใหม่ที่จะเข้ามากระทบ 2. Financial Management รักษาวินัยการเงิน บริหารต้นทุนการเงิน เสริมสภาพคล่องกระแสเงินสด รักษาระดับ Credit Rating 3. Supply Chain & Customer ดูแลคู่ค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความต่อเนื่องตลอด Supply Chain พร้อมเร่งดำเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่ม 4. Project Management ทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการและการลงทุน โดยต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (Asset Monetization) ของ flagship 5. Communication สื่อสารและสร้างความเข้าใจการดำเนินธุรกิจแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง

ดร.คงกระพัน กล่าวย้ำว่า “ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ปตท. เร่งปรับกลยุทธ์สำคัญซึ่งสะท้อนผลชัดเจนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และเราจะยังคงเดินหน้า เสริมความแข็งแกร่งจากภายใน สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อประโยชน์ของประเทศและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน”

นอกจากภารกิจหลักด้านพลังงาน กลุ่ม ปตท. ยังคงยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในทุกสถานการณ์ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ PTT Group SEALs เข้าร่วมภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว พร้อมสนับสนุนอาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปฏิบัติงาน พร้อมกันนี้ ยังได้มอบการสนับสนุนแก่สภากาชาดเมียนมา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา สะท้อนถึงความห่วงใยที่ ปตท. มีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไม่แบ่งพรมแดน

ปตท. มุ่งมั่นขับเคลื่อนพันธกิจในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่กับการเติบโตอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทย พร้อมเดินหน้าเติบโตบนเวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน