ปี 2566 เป็นปีที่ร้อนแรงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ยุคแรกๆ ของอินเทอร์เน็ต คลื่นแห่งความคลั่งไคล้นี้ส่งผลให้หุ้น AI อย่าง Nvidia พุ่งขึ้นถึง 240% และผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีเข้าสู่กลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอีกหนึ่งรายอย่าง Meta Platforms (META) ก็ไม่น้อยหน้า หลังจากผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับน่าพอใจหลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 200% ในปีที่ผ่านมา
Meta ซึ่งมีมูลค่าเกิน 9 แสนล้านดอลลาร์ในวันนี้ กำลังเคาะประตูของสโมสรมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ที่ Nvidia เพิ่งเดินผ่านไป ซึ่งในบทความนี้จะแสดงให้เห็นว่าเหตุใด Meta น่าจะสามารถมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้อย่างแน่นอนภายในปีนี้
🦾 ธุรกิจของ Meta กำลังเดินหน้าสู่อนาคต
Meta เคยถูกมองว่าหมดสภาพหลังจากที่ราคาหุ้นดิ่งลงต่ำเหลือเพียง 89 ดอลลาร์ในปี 2565 เนื่องจากการใช้จ่ายเงินมหาศาลในธุรกิจแล้วไม่ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจทำให้ Wall Street ไม่พอใจกับแนวโน้มในการดำเนินงานของ Meta
อย่างไรก็ตาม Mark Zuckerberg ผู้ซึ่งเป็นซีอีโอของบริษัทรีบกู้สถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยการลดต้นทุนเพื่อให้สถานะทางการเงินของ Meta กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทยังเลิกจ้างพนักงาน ลดต้นทุน และเพิ่มปริมาณการโฆษณาให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยให้กระแสเงินสดและการเติบโตของรายได้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง
นักลงทุนจึงได้เห็นการพุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งของ Meta จากการฟื้นตัวของธุรกิจที่กลับมาสู่เส้นทางที่มีอนาคตอีกครั้ง
🤖 AI คือบทใหม่ของ Meta ในปี 2567
ถึงแม้ราคาหุ้นของ Meta จะพุ่งขึ้นถึง 200% ในปีที่ผ่านมา แต่นักลงทุนบน Wall Street ยังมองข้ามศักยภาพของบริษัทอยู่ เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะความสนใจใน “ของเล่น” ใหม่ๆ อย่าง AI ที่ดึงความสนใจไปหมด แต่แท้จริงแล้ว Meta ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI อย่างเงียบๆ
ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง Meta ทุ่มเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปีในการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์และเทคโนโลยีสำหรับ AI และงานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงอื่นๆ โดยพวกเขานำ AI มาผสานกับธุรกิจหลักได้อย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น ผู้โฆษณาบนแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Meta อย่าง Facebook และ Instagram สามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อสร้างและกำหนดเป้าหมายสำหรับเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ Meta ยังมีทีม AI ที่ทุ่มเทเพื่อสร้างสรรค์โปรเจคต์ล้ำสมัยมากมาย เช่น Llama 2 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีความคล้ายคลึงกับ ChatGPT และเทคโนโลยีเสมือนจริงสำหรับแว่น AR อย่าง Quest
แม้ AI จะไม่ใช่แกนหลักของ Meta แต่เทคโนโลยีนี้กำลังแทรกซึมเข้าไปทั่วทั้งบริษัท ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของธุรกิจเดิมและเปิดโอกาสใหม่ๆ ได้อีกมากมาย
📌สนใจที่จะลงทุนในหุ้น Meta?
แอปพลิเคชัน StockRadars PLUS คือคำตอบ
StockRadars PLUS เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการซื้อ-ขาย หุ้นและ ETF อเมริกา โดยสามารถซื้อ-ขายในรูปแบบ Fractional Share ได้
ดังนั้น นักลงทุนจึงสามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 1 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 35 บาทเท่านั้น) เพื่อเป็นเจ้าของในหุ้นระดับโลกอย่าง Tesla, Netflix, Apple และหุ้นชั้นนำอีกมากมาย
นอกจากนี้ StockRadars PLUS จะพาผู้ใช้งานทุกคนไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ผ่านการทำความรู้จักกับหุ้นชั้นนำต่างๆ ในรูปแบบ Short Video และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถแสดงความคิดเห็นในหุ้นแต่ละตัวได้
มาเดินทางไปสู่ตลาดอเมริกาด้วยกัน เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars PLUS ได้เลย! https://bit.ly/OpenAccount_StockRadarsPLUS
ดาวน์โหลด StockRadars PLUS ที่นี่ https://stockradarsplus.page.link/STRFBpagedownload