บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เตรียมเดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร โดยบริษัทได้เข้าไปมีส่วนร่วมในบริษัท นูออโว พลัส จำกัด ที่เป็นการถือหุ้นระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้นอยู่ 100% กับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด จะมุ่งเน้นในการศึกษาความเป็นไปได้และสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรีและระบบกักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด ยังได้เซ็นสัญญากับ Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) เพื่อศึกษาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรีเพิ่มเติม
ธุรกิจรถไฟฟ้าคือเป้าหมายหลัก
บริษัทได้ร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์เพื่อตั้ง บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดและสร้างฐานการผลิตรถไฟฟ้าในไทย โดยปัจจุบันก็มีการเจรจากับบริษัทที่ทำธุรกิจในการรับจ้างผลิตหลายราย เช่น บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนและยังมีการเจรากับรายอื่นทั้งในจีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งปตท.ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสและสามารถร่วมมือได้โดยไม่ได้จำกัดแบรนด์ใดๆ
ในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์ ปตท. ได้จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด ซึ่งมีแอปพลิเคชัน EVme ที่ให้บริการให้เช่ารถไฟฟ้า บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟ รวมไปถึงสถานีซ่อมบำรุง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้เกิดการใช้รถไฟฟ้าอย่างแพร่หลายทั่วทั้งประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทย่อยของปตท. อย่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) ก็เดินหน้าทำการตลาดเต็มที่ โดยมีแผนที่จะขยายให้ได้ 1,350 ยูนิตภายในปีนี้ เช่นเดียวกันกับ OR ที่มีแผนในการติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับรถไฟฟ้าผ่านสถานีบริการน้ำมัน 200 ยูนิต และนอกสถานีบริการอีก 150 ยูนิต เพื่อรองรับความต้องการในการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
ไตรมาสที่ 2 โดดเด่น
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 บริษัทคาดการณ์ว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับราคาก๊าซธรรมชาติที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ไม่ได้มีความกังวลในส่วนนั้นมากนัก เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาตินั้นยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยยังคงมีอากาศร้อน ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทคาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 2565 จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 98-103 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 10.5-11.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกเหนือจากธุรกิจด้านรถไฟฟ้า บริษัทมีแผนที่จะขยายไปยังธุรกิจยาอย่างครบวงจร ไม่เพียงแต่การนำยามาจัดจำหน่าย แต่จะมีการศึกษาวิจัยและพัฒนาสูตรยาขึ้นมาเองด้วย โดยบริษัทได้เข้าไปลงทุนบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาสามัญชั้นนำจากไต้หวันที่สามารถผลิตยาได้ครอบคลุมหลายกลุ่มโรค เช่น โรคระบบประสาท โรคหลอดเลือดและหัวใจ เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถจัดจำหน่ายยาที่มีคุณภาพดี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี
PTT ติดสัญญาณ Radars อะไรบ้าง ไปดูกันครับ
1️⃣Decreasing Net Profit 3 Y = PTT เป็นบริษัทที่มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ลดลงต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี ติดต่อกัน
2️⃣Consistent Dividend = PTT เป็นหุ้นที่มีการปันผลเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน
3️⃣All Sector = PTT เป็นหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของหุ้นใน Sector นั้นๆ
[SPECIAL] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadars
Blockdit: https://www.blockdit.com/stockradars