ความตึงเครียดระหว่างพรมแดนรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ทางรัสเซียอ้างว่าส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปยังพื้นที่สองภูมิภาคของยูเครน ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ปั่นป่วนอยู่ไม่น้อย
ในทางฝั่งเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีการแข็งค่ามากขึ้นจากความกังวลด้านความขัดแย้งที่อาจก่อตัวขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งนักลงทุนได้หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จึงทำให้มีความต้องการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้นจนทำให้เกิดการแข็งค่าได้นั่นเอง
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดูเหมือนจะสวนทางกับเงินสกุลยูโรที่ร่วงลงมาเล็กน้อย ในขณะที่เงินสกุลดอลลาร์อื่นๆ ก็มีการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในฝั่งด้านตลาดโภคภัณฑ์อย่างทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมักหลีกหนีจากความไม่แน่นอนในการลงทุนที่เกิดขึ้น ก็ได้ปรับขึ้นเหนือ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ อันเป็นผลจากความกังวลในวิกฤติครั้งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ราคาพุ่งไปกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ราคาน้ำมันก็ยืนกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย โดยการปรับตัวของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยรัสเซียก็เป็นหนึ่งสมาชิกประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) ซึ่งมีบทบาทต่ออุปทานในตลาดน้ำมันโลกเป็นสำคัญ
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความตึงเครียดของยูเครนและรัสเซีย แนวโน้มการลงทุนจึงอาจต้องระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือตลาดคริปโตที่อาจถูกกดดันให้ย่อตัวลงได้ในระยะนี้ ในขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอาจได้อานิสงส์ของปัจจัยระยะสั้นต่อการปรับขึ้นของราคาได้
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในระยะกลางและระยะยาวแล้ว การเผชิญหน้าระหว่างยูเครนและรัสเซียจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งนักลงทุนเองก็ต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อสามารถรับรู้ถึงปัจจัยที่เกิดขึ้นและตัดสินใจปรับแนวทางการลงทุนได้ครับ