สัปดาห์ที่แล้ว (4 มกราคม – 7 มกราคม 2565) หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเปิดศักราชใหม่ เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635 – 1,660 จุด ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว หุ้นไทยสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,660 จุด แต่เมื่อปิดปลายสัปดาห์นี้ ตลาดได้ย่อตัวลงไปถึงในกรอบปลายปีที่แล้วเลยทีเดียว
โดยแต่ละวันในสัปดาห์ หุ้นไทยปิดตลาดและมีมูลค่าซื้อขายสุทธิดังต่อไปนี้
⁃ วันจันทร์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการ
⁃ วันอังคาร ปิดตลาดที่ 1,670.28 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 100,014.91 ล้านบาท
⁃ วันพุธ ปิดตลาดที่ 1,676.79 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 93,126.43 ล้านบาท
⁃ วันพฤหัสบดี ปิดตลาดที่ 1,653.03 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 106,477.92 ล้านบาท
⁃ วันศุกร์ ปิดตลาดที่ 1,657.62 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 89,096.14 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากแบ่งแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่านักลงทุนประเภทสถาบันในประเทศมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิในแดนลบมากที่สุด ส่วนนักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายในแดนบวกมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ เป็นไปดังต่อไปนี้
⁃ นักลงทุนต่างประเทศ +8,483.37 ล้านบาท
⁃ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +2,158.45 ล้านบาท
⁃ สถาบันในประเทศ -10,756.23 ล้านบาท
⁃ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ +114.41 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องด้วยช่วงปลายปีเป็นช่วงการปรับพอร์ตการลงทุนของเหล่านักลงทุนในประเภทต่างๆ ซึ่งเรียกกันว่า Santa Rally และช่วงต้นปีเป็นช่วงการเข้าซื้อในสินทรัพย์หลายๆ ตัว ซึ่งเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า January Effect ทำให้มูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนรายใหญ่ทั้งนักลงทุนต่างประเทศ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์และสถาบันในประเทศหมุนเวียนอย่างมหาศาลอยู่ไม่น้อย
ในส่วนของหุ้นยืนคงยืนในแดนบวกได้ตอนปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อาทิ PTTEP, PTT, IVL, BANPU, TOP, PTG ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารอย่าง BBL TTB เป็นต้น
ทั้งนี้ หลายหมวดธุรกิจก็สามารถยืนในแดนบวกได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฟชั่น (+0.27%) ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มธนาคาร (+0.89%) ที่แม้จะแกว่งตัวแต่ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มประกันภัย (+3.40%) ปรับตัวเพิ่มอย่างโดดเด่น กลุ่มอสังหาฯ และก่อสร้างที่มีการปรับตัวอย่างก้าวกระโดด (+7.51%)
ส่วนกลุ่มพลังงานก็มียังคงมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้น (+0.79%) ในขณะที่กลุ่มบันเทิง (+0.88%) ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านเดิมได้ และกลุ่มเกษตร (+0.33%) ที่ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากย่อตัวอย่างหนัก แต่ยังไม่ทะลุแนวต้านเดิมเช่นกัน
ส่วนกลุ่มที่มีแนวโน้มการแกว่งตัวขึ้นลง ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (+0.36%) ที่ผ่านได้จุดต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มกระดาษ (+1.13%) กลุ่มปิโตรเคมี (+0.34%) และกลุ่มท่องเที่ยว (+0.11%)
นอกจากนี้ บางกลุ่มยังคงอยู่ในช่วงย่อตัวลง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจเกษตร (+0.09%) กลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและเวชภัณฑ์ (+0.11%) กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (+0.95%) กลุ่มบริการ (+0.08%) กลุ่มบริการทางสุขภาพที่ย่อตัวลงอีกครั้ง (+0.23%) กลุ่มบริการเฉพาะกิจ (+0.70%) มีการย่อตัวลงเล็กน้อย กลุ่มขนส่ง (+0.71%) และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+0.17%)
ในส่วนของสัปดาห์นี้ ต้องจับตามองทิศทางของตลาดหุ้นว่าจะอ่อนไหวต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศมากน้อย ในขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศ ตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อท่าทีของ FED ในการดึงสภาพคล่องจากตลาด แต่เรื่องเงินเฟ้ออาจเป็นปัญหาอีกครั้งหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
[เพิ่มเติม] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadarsBlockdit: https://www.blockdit.com/stockradars