นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) เปิดเผยว่า บริษัท Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ได้ลงทุนเพื่อสร้างฐานการผลิตใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด Vinh Phuc ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) โดยคาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตได้ในช่วงต้นปี 67
การลงทุนมีมูลค่า 8,133 พันล้านดองหรือ 11,793 ล้านบาท รวมค่าเครื่องจักร งานโยธา ค่าใช้จ่ายทางการเงินและเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น กระดาษ Lightweight เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 370,000 ตันต่อปี
สำหรับ VKPC เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ชั้นนำในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ซึ่ง SCGP ถือหุ้นอยู่ 100% และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วน 70:30 การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ก็จะทำให้ VKPC มีกำลังการผลิตรวม 870,000 ตันต่อปีในปี 67
นอกจากนี้ SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อกระแสความนิยมที่เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายอื่น ๆ โดยมีฐานการผลิตรวมกว่า 50 แห่งในประเทศไทย,เวียดนาม,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย
โดยทาง SCBS มองว่า มูลค่าการลงทุนครั้ง น้ีอยู่ท่ี ~US$1,000/ตัน สูง กว่าการลงทุนที่ ~US$600/ตันใน เวียดนาม (คอมเพล็กซ์แห่งแรกของ VKPC) ในปี 2552 และปี 2559 และ ~US860/ตันใน อินโดนีเซีย (Fajar) ในปี 2562 เนื่องจากโครงการน้ีเป็ นคอมเพล็กซ์แห่งใหม่ที่มีที่ดินและ โครงสร้างพื้นฐานช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต ในขณะที่ธุรกิจเดิมมีฐานการผลิตหลักตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม การขยายธุรกิจ ทางตอนเหนือของเวียดนามจะช่วยสนับสนุน ยอดขายในพื้นท่ีใหม่ท่ีมีการเติบ โตสูงในตลาดภายในประเทศและมีโอกาสส่งออกไปยังจีนด้วย เมื่ออิงกับแนวคิด T-model ของ SCGP ที่ต้องการนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการบูรณาการในแนวตั้ง SCGP มีแนวโน้ม ที่จะขยายธุรกิจปลายน้ํา (กล่องลูกฟูก) ทางตอนเหนือของเวียดนามเพิ่ม (หลังจากขยายธุรกิจต้น นํ้า) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทั้งน้ีเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จกําลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ทั้ง หมดของ SCGP ในอาเซียนจะเพิ่มขี้น 8% สู่ 4.75 ล้านตันต่อปี ทาง SCBS ประเมินอย่างคร่าวๆ ได้ว่าโครงการน้ีจะช่วยหนุนให้กำไรของ SCGP ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 3-4% หลังจากเริ่ม ดําเนินการในปี 2567 และจะช่วยหนุนให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ประเมินได้จากวิธี DCF ปรับเพิ่มขึ้นอีก ~2 บาท/หุ้น
โดย SCGP ได้ติดสัญญาณ Radars “GPM Above Avg” หรือ หุ้นที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) มากกว่าค่าเฉลี่ยของ Sector ซึ่งแสดงถึงความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัท โดยเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน และ “ROE Above Avg” หรือ หุ้นที่มีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity) มากกว่าค่าเฉลี่ยของ Sector ซึ่งแสดงถึงความสามารถ ของผู้บริหารในการบริหารเงินลงทุนของบริษัท โดยใช้เงินของผู้ถือหุ้นเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
[เพิ่มเติม] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadars
Blockdit: https://www.blockdit.com/stockradars