บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ได้เปิดเผยผลการดำเนินงาน Q3/2563 และช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ระบุถึงในไตรมาสนี้ ด้านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศเวียดนาม ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ยังคงมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคยังอ่อนตัว ส่วนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าคงทน ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีปริมาณความต้องการใช้ที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อยในกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ รวมถึงการส่งออกสินค้าไปที่ประเทศจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ในด้านวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งทางเรือที่สูงขึ้นกว่าช่วงปกติก่อนภาวะโรคระบาด จากการที่จำนวนเรือขนส่งและตู้ขนส่งสินค้ามีจำกัดในช่วงเวลานี้
โดยสรุปผลการดำเนินงาน Q3/2563 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2563 เป็นดังต่อไปนี้
👉🏻 รายได้จากการขาย 23,287 ลบ. เพิ่มขึ้น 8% QoQ จากการเริ่มฟื้นตัวของสินค้าคงทนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ รวมถึงปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น และลดลง 5% YoY
👉🏻 ในส่วนของกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,335 ลบ. ลดลง 30% QoQ และ 9% YoY โดยหลักมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในสกุลรูเปียห์ อินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดการขาดทุนทางบัญชีหลังหักภาษี และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมที่ 111 ลบ.
👉🏻 สำหรับ EBITDA อยู่ที่ 4,121 ลบ. เพิ่มขึ้น 4% QoQ และลดลง 1% YoY
นอกจากนี้ ผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี สรุปรายได้ที่ 69,190 ลบ. เพิ่มขึ้น 5% YoY จากปัจจัยหนุนการเติบโตของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และการขยายตัวของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการควบรวมกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย และบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์ในประเทศไทย
ทำให้สรุปกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2563 ที่ 4,971 ลบ. เพิ่มขึ้น 22% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 4,072 ลบ.
ทั้งนี้ ในส่วนของการควบรวมกิจการ (Merger and Partnership : M&P) กับ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) หนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ในประเทศเวียดนาม กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสินค้าคงคลังรอบสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563
ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลให้ SCGP มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ จากเยื่อกระดาษในเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มศักยภาพตลาดบรรจุภัณฑ์ด้วย
สุดท้าย ทางบริษัทยังระบุถึงความมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ SCGP จะเร่งการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจแบบบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร
โดยจะมีรายได้จากการขายของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรส่วนเพิ่มจาก 4 โครงการขยายกำลังผลิต ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการช่วงปลายปี 2563-2564
อีกทั้งยังคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากการควบรวมกิจการบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในเวียดนาม ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563
[เพิ่มเติม] ⭐️ เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!”
สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
You must be logged in to post a comment.