1. หา “เวลา” และ “โอกาส” ที่เหมาะสม
ก่อนที่เราจะเลือกหุ้นเข้าพอร์ตสักตัวครับ เราน่าจะย้อนอดีตของเขาหน่อย ดูว่าเขาเคยทำผลงาน หรือเคยสร้าง “ผลประโยชน์” หรือ “ผลกำไร” บ้างไหม ถ้าสร้าง น่าพอใจรึเปล่า? เพราะหุ้นทุกตัวครับ จะมีช่วงเวลาที่ทำกำไรเป็นรอบๆ (Cyclical) ซึ่งแน่นอนครับ เขาไม่สามารถทำกำไรได้ตลอดชีวิต เราจึงควรมองหาเวลา และโอกาสที่เขาจะเข้าสู่รอบทำกำไร แล้ว Take Profit หรือร่วมลงทุนไปในรอบนั้นๆ ครับ
2. หลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจจะเกิด “ความเสี่ยง”
การลงทุนมีความเสี่ยง ฮ่าๆๆๆ เราก็ได้ยินกันบ่อยๆ นะครับ ความเสี่ยงที่ว่า อาจจะมาจาก ผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจ นโยบายรัฐบาล หรือ ต่างประเทศ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรานั่นล่ะครับ ที่จะเลือกลงทุนแบบไหน ถ้าลงทุนระยะยาว ตามนโยบายรัฐบาล แต่ซื้อและขายตามข่าว ทั้งๆที่บริษัทเขาเซ็นต์ร่วมทุนแล้ว ก็เท่ากับเราไม่รอรับรู้ผลงานที่เขากำลังจะทำเลย นั่นก็เท่ากับเรารับความเสี่ยงไปเต็มๆ เลยครับ เพราะนั่นเท่ากับเราผิดแผน เราไม่ได้ลงทุนระยะยาว และตามนโยบายรัฐบาลแล้ว
3. เปิดรับความรู้ใหม่ สม่ำเสมอ
พยายามหาความความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอครับ เพราะบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้น เขาไม่แค่แข่งกันเอง แค่ตลาดในประเทศนะครับ บางบริษัทไปลงทุน หรือปล่อยสินค้าออกไปขายต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนครับ แข่งขันขนาดนั้น ก็จะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด เช่น บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี เขามักจะมีของเล่นใหม่มาปล่อยอยู่เสมอๆ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ Innovation ใหม่ ที่ถ้าเราไม่เปิดรับข่าวสาร เปิดรับความรู้รอบๆ เราก็อาจตามเขาไม่ทัน หรือพลาดที่จะลงทุนร่วมไปกับเขานะครับ
4. “ราคา” จะสะท้อนถึง “มูลค่า” ที่แท้จริง
อย่างที่ลุง Buffett เลือกหุ้นครับ เขาจะเลือกหุ้นที่ Undervalued หรือมูลค่าตอนนี้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงครับ เหมือนซื้อของตอนลดราคาหนักๆ เหมือนบริษัทยอมขายหุ้นต่ำกว่าทุนนั่นล่ะครับ ฮ่าๆๆๆ เลือกหุ้นดี ที่ราคาถูก ซึ่งการเลือกซื้อหุ้นแบบนี้ ค่อนข้างจะตรงข้ามกับสายเทคนิคเลย ที่มักจะเลือกหุ้นที่ Overvalued หรือมูลค่าสูงเกินจริง ที่ราคากำลังขึ้น เขาจะยึดหลัก “ซื้อแพง แต่ไปขายแพงกว่า” นี่เป็นการลงทุนกับมูลค่าของบริษัท ที่ถึงจะมองต่างมุม กัน แต่ทำกำไรได้ทั้งคู่ครับ
5. ทำพอร์ตหุ้นให้แข็งแกร่ง
หมั่นตรวจสอบพอร์ต หรือผลงานอยู่สม่ำเสมอครับ เพราะบางช่วงตลาดไม่เปิดทางให้เราทำกำไรเลย บางทีแผนเราดีแล้ว แต่ตลาดไม่ดี หุ้นไม่วิ่ง ซื้อไปก็ลง หรือถ้าขึ้น ก็ขึ้นน้อย ตรงนี้ควรมีแผนรองรับครับ นั่นก็คือ นอกจากแผนเข้าที่ดีแล้ว เราก็ควรมีแผนออกที่ดีด้วยครับ เช่น บางท่านเห็นหุ้นลงแล้วทนไม่ค่อยได้ ไม่ได้ลงทุนระยะยาว ก็ควรมีจุดออก หรือจำกัดความเสี่ยงที่จะเสียไว้ครับ และนอกจากมีแผนแล้ว ก็ Back to basic เลย เราต้องเลือกหุ้นให้ถูกตัวด้วย หุ้นเกรดอะไรที่จะเลือกเข้าพอร์ตครับ เกรด A รึเปล่า เคยกำไรรึเปล่า ผลงานเขาดี แล้วจะดีต่อไปรึเปล่าครับ