ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดครึ่งปีหลัง ตลาดอสังหาฯกรุงเทพและปริมณฑลยังหดตัว ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก แต่ยากจะกลับมาบวก
ครึ่งปีแรก 2563 เครื่องชี้กิจกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ปรับลดลงตามปัจจัยแวดล้อม อัตราการรจองซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ช่วง 5 เดือนแรกปี 2563 เฉลี่ยหดตัวราว 75% (YoY) ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลง 3.4% (YoY) จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจหยุดชะงัก และแผนกิจกรรมการตลาดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยต้องเลื่อนออกไป
สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทิศทางการซื้อขายที่อยู่อาศัยน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยยังพอมีปัจจัยด้านบวกอย่างมาตรการการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท (สิ้นสุด 24 ธ.ค. 63) และแคมเปญกระตุ้นตลาดของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจที่กระทบภาคธุรกิจและกำลังซื้อครัวเรือนเป็นวงกว้าง ทำให้การซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งปี 2563 ยากจะพลิกกลับมาเป็นบวก โดยคาดว่าจะมีจำนวน 62,000-67,000 หน่วย หรือหดตัว 37.9% ถึงหดตัว 32.9% จากปีก่อน ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยน่าจะมีจำนวน 140,000-145,000 หน่วย หดตัว 29.3% ถึงหดตัว 26.8% จากปีก่อน
ภายใต้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ชะลอลง ผู้ประกอบการหลายรายมีการปรับลดการลงทุนและรอจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งแม้ว่าอาจส่งผลระยะสั้นต่อผลประกอบการ แต่ก็ถือเป็นการปรับสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าในพอร์ตของผู้ประกอบการให้มีเสถียรภาพ โดยทั้งปี 2563 คาดว่าการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีจำนวนประมาณ 68,000 -72,000 หน่วย ลดลง 42.8% ถึงลดลง 39.5% จากปีก่อน