HomeOn RadarsPTTGC ขาดทุน 8,784 ลบ. ผลจากราคาน้ำมันปรับลง กระทบสต็อก และการปรับมูลค่า

PTTGC ขาดทุน 8,784 ลบ. ผลจากราคาน้ำมันปรับลง กระทบสต็อก และการปรับมูลค่า

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่งบไตรมาสขาดทุน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2563 รายได้จากการขายลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 18% และได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เมื่อรวมผลกระทบอื่นด้วยแล้ว ขาดทุนสุทธิรวม 8,784 ล้านบาท

ในไตรมาส 1/2563 ระดับราคาน้ำมันได้มีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาน้ำมันดูไบปรับลดลงจาก 67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ สิ้นปี 2562 มาเป็น 23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 ส่งผลให้เมื่อรวมผลกระทบอื่น จากผลขาดทุนสต็อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับสินค้าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) เป็นผลขาดทุน 8,906 ล้านบาท

และจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,193 ล้านบาท

ส่งผลให้บริษัทมีขาดทุนสุทธิรวม 8,784 ล้านบาท

อย่างไรดี บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และ ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง) ในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 1,128 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุน 1,005 ล้านบาท

นั่นคือ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.12 เท่า

ปัจจัยหลักมาจากปริมาณการขายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และธุรกิจอะโรเมติกส์ รวมถึงการฟื้นตัวของส่วนต่างผลิตภัณฑ์ในธุรกิจอะโรเมติกส์

สำหรับการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสนี้ มีการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันสามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นเป็นเวลา 52 วัน

แม้ในไตรมาสนี้จะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงโอเลฟินส์ 2/1 และ 2/2 เป็นเวลา 39 และ 35 วันตามลำดับ ส่งผลให้ปริมาณการขายผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องลดลง แต่โดยรวมปริมาณการขายยังมีการปรับเพิ่มขึ้น

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่งบไตรมาสขาดทุน

การขาดทุนรอบไตรมาสครั้งก่อนของ PTTGC เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4/2557

ในตอนนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันดิบเช่นกัน

เนื่องในปี 2557 ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงประมาณ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาเรล จากต้นปีที่ 107.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 52.89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และลดลงอย่างต่อเนื่องจนสิ้นปี 2557

ทำให้บริษัทต้องรับรู้ผลขาดทุนจากมูลค่าสต็อกน้ำมันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ในไตรมาส 4/2557 รวมขาดทุนสุทธิที่ 4,935 ล้านบาท

ตอนนั้นกำไร(ขาดทุน)สุทธิหุ้นละ -1.09 บาท