สำหรับใครที่อยากจะเริ่มลงทุน เพราะเห็นโอกาสในอนาคตหรือเพื่อเป็นเงินออมในยามเกษียณ แต่ติดอยู่นิดเดียวว่า เงินเดือนก็น้อย แค่ให้มีกินมีใช้ก็แทบไม่พออยู่แล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาออมเพิ่ม ดังนั้นวันนี้จะขอแนะนำให้รู้จักกับ Latte factor สิ่งที่จะทำให้เราได้เงินออมหรือเงินลงทุนเพิ่มขึ้น จากเรื่องใกล้ตัว

ที่มาของ Latte factor

คำว่า Latte factor จากหนังสือ The Automatic Millionaire ของ เดวิด บาค (David Bach) 

จุดเริ่มต้นของเรื่องมาจากตอนที่ เดวิด บาค ขึ้นพูดบนเวทีแล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งถามว่า “เงินเดือนน้อยนิดจะหาเงินที่ไหนมาเริ่มลงทุน เพราะแค่ออมยังลำบากเลย” บาคได้ขอให้ผู้หญิงคนนั้นเล่าชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนว่าเธอทำอะไรบ้างให้ฟัง จนบาคไปสนใจกับกาแฟที่เธอต้องดื่มทุกเช้า ทำให้เกิดแนวคิด Latte factor ขึ้นมา

Latte factor คืออะไร

จากเรื่องที่เล่ามา จะเห็นว่า Latte factor ก็คือกาแฟที่ผู้หญิงคนนั้นซึ่งต้องเสียเงินซื้อกาแฟทุกเช้านั่นเอง บาคแนะนำว่า สิ่งเล็กน้อยที่เราเสียเงินทุกวันโดยไม่รู้ตัว มองดูอาจจะไม่รู้สึกว่าเยอะเท่าไหร่ แต่พอรวมๆกันแล้วนำไปลงทุน เงินส่วนนี้จะกลายเป็นเงินก้อนที่มีมูลค่ามหาศาลได้

ถ้าเปลี่ยนเงินซื้อกาแฟเป็นเงินออม

สมมติว่าปกติเราซื้อกาแฟกินทุกวัน วันละ 40 บาท ปีนึงเราจะใช้เงินไปเท่ากับ 365 * 40 = 14,600 บาท ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนเงินส่วนนี้ไปเป็นเงินออมได้นั่นเอง (บางคนปีนึงยังเก็บเงินได้ไม่เท่านี้เลย) เราจะเห็นว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันสามารถนำไปเป็นจุดเริ่มต้นของการออมเพื่อการลงทุนได้

แม้ไม่ได้มากแต่ก็เป็นการฝึกวินัยที่ดีและที่สำคัญเราได้เริ่มต้นออมแล้ว

ถ้าเปลี่ยนเงินซื้อกาแฟเป็นเงินลงทุน

แล้วถ้าเราเปลี่ยนเงินจำนวน 14,600 บามต่อปี เป็นเงินลงทุนล่ะ เช่น นำไปซื้อกองทุนรวมอิงดัชนี ซึ่งได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปีในระยะยาว มาดูกันดีกว่าว่า เงิน 14,600 บาทต่อปีจะเปลี่ยนเป็นเท่าไหร่

จากกาแฟวันละ 40 กลายเป็นกาแฟเงินล้านไปแล้ว

Latte factor ไม่ใช่แค่กาแฟ

ถึงจะชื่อ Latte แต่ไม่ได้หมายถึงกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงสิ่งฟุ่มเฟือยเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ได้สนใจหรือจ่ายเงินออกไปโดยไม่รู้สึกตัว จากการ กิน เที่ยว ดื่ม ช็อปปิ้ง ที่มากเกินไป ซึ่งเราสามารถลดของบางอย่างได้ เพื่อเปลี่ยนมาเป็นเงินออม และบางอย่างถ้าเลิกแล้วก็ดีต่อสุขภาพด้วยเช่น บุหรี่, สุรา หรือ เบียร์

Latte factor ของคุณคืออะไร

ตอนนี้เราก็ได้รู้จักกับ Latte factor แล้ว ผมอยากให้ลองสำรวจตัวเราเองว่า เรามี Latte factor รึเปล่า อะไรคือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จ่ายเงินออกไปประจำโดยไม่ทันรู้ตัวบ้างและเราสามารถแก้ไขมันได้หรือไม่