บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1/2563 ยอดขายและกำไรปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น
โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (Q1/2562) มาอยู่ที่ 31,103 ล้านบาท โดยหลักมาจากยอดขายสินค้าธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปเพิ่มขึ้นถึง 16.2% จากปีก่อน
แม้ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็งจะได้รับผลกระทบ ยอดขายลดลงเล็กน้อยที่ 5.1% จากปีก่อน ปริมาณการขายปรับเพิ่มขึ้น 6.7% ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ที่ได้รับผลดีจากผู้บริโภคปฏิบัติ Social Distancing และทำอาหารบริโภคเองที่บ้านมากขึ้น
หากแยกผลกระทบจากค่าเงินบาทออก ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 7.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
กำไรขั้นต้น 16.2% เพิ่มขึ้น 1.28% จากยอดขายสินค้าแบรนด์ที่มีอัตรากำไรสูงปรับเพิ่มขึ้น
ส่วนกำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 49.9% เป็นผลมาจากยอดขายและอัตรากำไรที่ปรับดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมุ่งควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) Q1/2563 ปรับเพิ่มขึ้น 4.4% ซึ่งน้อยกว่าอัตราการเติบโตของยอดขาย
ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขาย ลดลงมาอยู่ที่ 11.3% เมื่อเทียบกับ 11.4% ในไตรมาส 1/2562
กำไรสุทธิที่ 1,016 ล้านบาท ลดลง 20.2% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่ลดลง และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในเชิงบวก
โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยต่อห่วงโซ่อุปทาน และการดำเนินงานของโรงงานผลิต ยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยมีความต้องการบริโภคอาหารกระป๋องเพิ่มขึ้น ในขณะที่อาหารแช่แข็งได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในตลาดอเมริกา แต่ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นและตลาดเอเชียปรับเพิ่มขึ้น