“วิทัย รัตนากร” เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กบข.อยู่ระหว่างเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น 40 % จากปัจจุบันเพดานการอนุมัติให้ลงสินทรัพย์รวมต่างประเทศตามกฎกระทรวงกำหนดอยู่ที่ 30 % ขณะที่ปัจจุบัน กบข. มีการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศอยู่ที่ 28 % โดยที่เหลืออีก 72 % เป็นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้ เพื่อลดการกระจุกตัวของการลงทุนภายในประเทศ ลดความเสี่ยง และหาโอกาสลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุนในตลาดต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับเพดานการลงทุนต่างประเทศเพิ่มเป็น 40 % ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา UBS Asset Management ที่เสนอ
สำหรับเหตุผลที่มีการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสการหาผลตอบแทนการลงทุนไปยังตลาดที่มีศักยภาพ ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ กองทุนไพรเวท อิควิตี้ และการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงสูง
อย่างไรก็ตาม แม้ปี 2562 ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น 7% แต่การลงทุนในต่างประเทศยังให้ผลตอบแทนสูง เช่น ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ให้ผลตอบแทนในรูปเงินบาทสูงถึง 18% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และแข็งค่าในสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเงินของประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ก็ถือเป็นโอกาสในการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้ หากมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม
สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้ กบข. อยู่ระหว่างนำข้อเสนอการเพิ่มเพดานการลงทุนต่างประเทศ เสนอต่อคณะกรรมการ กบข. เพื่อพิจารณา และดำเนินการขั้นต่อไปเพื่อกำหนดเป็นกฎกระทรวง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2563
มูลค่าพอร์ตการลงทุนของ กบข. ปัจจุบัน ณ วันที่ 28 พ.ย. 2562
You must be logged in to post a comment.