นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวด 9 เดือน จากทั้งหมด 693 แห่ง หรือคิดเป็น 97.1 % จากทั้งหมด 714 แห่ง มีกำไรสุทธิ 645,647 ล้านบาท ลดลง 15.37% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 762,882 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 9 เดือน ทำได้ 8,623,725 ล้านบาท ลดลง 1.26 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 8,733.822 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3 บจ. มีกำไรสุทธิ 201,347 ล้านบาท ลดลง 18.30 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 246,436 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย ทำได้ 2,850,489 ล้านบาท ลดลง 6.10 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 3,035,633 ล้านบาท
“บจ.ได้รับผลกระทบรอบด้าน ทั้งปัญหาสงครามการค้า ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เมื่อประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้ยอดขายในไตรมาส 3 หดตัวแรงขึ้นและมีการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานหลักและกำไรสุทธิปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหลักทรัพย์จดทะเบียนไทยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (core operation profit margin) ลดลงมาอยู่ที่ 7.7% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 10.0% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) ลดลงมาอยู่ที่ 7.0% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 8.2%” นายแมนพงศ์ กล่าว
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 บจ.มีการใช้หนี้สินเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.37 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.28 เท่า
อย่างไรก็ดี หมวดธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี คือ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งเติบโตจากการขยายสินเชื่อส่วนบุคคล หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้ผลบวกจากกลุ่มอาหารสด เครื่องดื่ม และการขยายตลาดไปกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งยอดขายและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2562
สำหรับผลการดำเนินงานของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มียอดขายรวม 139,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,710 ล้านบาท ลดลง 19.2% อย่างไรก็ดี หากรวมผลของรายการพิเศษในกลุ่มทรัพยากร ส่งผลให้ภาพรวมมีกำไรสุทธิ 8,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.0% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
You must be logged in to post a comment.