ก่อนเลือกตั้ง หุ้นไทยมักขึ้นเฉลี่ย 4.4% บล. ทิสโก้แนะ มองหุ้นไทยยังน่าสะสม

ก่อนเลือกตั้งหุ้นไทยมักขึ้นเฉลี่ย 4.4% บล.ทิสโก้แนะมองหุ้นไทยยังน่าสะสม

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้หุ้นโลกให้ผลตอบแทนดีมาก โดยในช่วง 10 เดือนแรก MSCI World Index ปรับตัวขึ้นกว่า +19% และตลาดหุ้นหลายประเทศสำคัญทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ทั้งสหรัฐฯ, สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ (MSCI Asia ex. JP) ยิ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นโลกอีก ปรับตัวขึ้นถึง +31% ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ผลตอบแทนยังติดลบ -6% บล. ทิสโก้ยังคงมุมมองแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐฯ และไทยที่อยู่ในโหมดผ่อนคลาย น่าจะหนุนให้ SET Index ในฐานะตลาดหุ้นที่ยัง Laggard มาก ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า

ชี้ Valuation ต่ำ + Yield เด่น หุ้นไทยเริ่มน่าดึงดูดเทียบต่างประเทศ

นอกจากหุ้นไทยในปีนี้ Laggard หุ้นต่างประเทศมากแล้ว ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยอยู่ในโซนต่ำด้วยเมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศ โดยคิดเป็น Fwd. PER และ PBV ปีหน้าที่ 12.8x และ 1.1x ตามลำดับ vs ค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นเอเชียที่ 13.3x และ 1.7x เท่าตามลำดับ นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากเงินปันผลตลาดหุ้นไทยที่ 4.3% ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศที่มีค่าเฉลี่ยเงินปันผลอยู่ที่ 2.6% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่อยู่ที่ประมาณ 4% ในปัจจุบัน ทำให้ช่วงเวลานี้หุ้นไทยน่าจะดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้ามากขึ้น เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเข้าสู่ฤดูกาลประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปีแล้ว

นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี จะเป็นช่วงฤดูกาลที่กองทุนลดหย่อนภาษีไหลเข้ามากสุดเพื่อรับประโยชน์ทางภาษีก่อนสิ้นปี บล. ทิสโก้ประเมินว่าจะเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ทั้ง RMF และ TESG รวมราว 1-1.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้

และหากมองข้ามช็อตไปในต้นปีหน้า บล. ทิสโก้ยังลุ้นผลกระทบ “Pre-election Rally” อิงจากการศึกษาข้อมูลการเลือกตั้งของไทยในอดีตตั้งแต่มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้งมักปรับตัวขึ้น โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว +4.4% และมีระดับความเชื่อมั่นเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 70%

นอกจากนี้ ผลกระทบจากการเลือกตั้งยังอาจมีความต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง หรือที่ี่ีมักเรียกว่า “Honeymoon Period” โดยจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยอีกราว +2.3% และมีระดับความเชื่อมั่นเฉลี่ยสูงถึง 80%