TTB เดินหน้าปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้ พร้อมทั้งจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 6.3 พันล้านบาท

TTB เชื่อมั่นสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยพันธกิจสำคัญปี 2568 ยังคงเป็น “ปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้” ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกหนี้เปราะบางและลูกหนี้ที่มีประวัติดี ขณะเดียวกันยังเน้นการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้ผู้ถือหุ้น ผ่านแผนการบริหารส่วนทุน (Capital management) ล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.066 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิครึ่งปีแรก รวมกว่า 6.3 พันล้านบาท ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ และการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ทีทีบีมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ พันธกิจสำคัญของทีทีบีในปี 2568 ยังคงเน้นย้ำ “ปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้” ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกหนี้กลุ่มเปราะบางหรือลูกหนี้ที่มีประวัติดี ด้านพันธกิจสำหรับผู้ถือหุ้น ยังคงเดินหน้าตามแผน “การบริหารส่วนทุน” หรือ Capital management เพื่อสร้างมูลค่าและเพิ่มผลตอบแทนโดยรวม (Total Return) ให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ภายใต้แผนการบริหารส่วนทุนดังกล่าว

ทีทีบีประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.066 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60% จากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงแม้ภาคธุรกิจและภาคธนาคารจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวก็ตาม

นอกจากนี้ การที่ธนาคารสามารถปรับเพิ่ม Dividend Payout Ratio ขึ้นจาก 30% – 35% มาอยู่ที่ 60% ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจหลังการรวมกิจการ ด้านอัตราผลตอบแทนเงินปันผล หรือ Dividend Yield ก็เพิ่มขึ้นจาก 2% – 3% ในอดีตมาอยู่ที่ 6% – 7% ในปัจจุบันส่งผลให้ทีทีบีเป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินจากปันผลสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของหุ้นกลุ่มธนาคาร

ทีทีบีเดินหน้าบริหารทุนครบวงจร ลุยซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 2.1 หมื่นล้าน

และอีก 2 โครงการที่ดำเนินการได้ตามแผน Capital management ได้แก่ โครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี (2568 – 2570) วงเงินรวม 21,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุน ROE ในระยะยาวแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาดทุนที่มีต่อราคาหุ้นและมูลค่าของผู้ถือหุ้นได้อีกด้วย และในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารเสร็จสิ้นการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นไปตามแผนการสร้างการเติบโตจากภายนอก (Inorganic growth) เพื่อเพิ่มศักยภาพและมูลค่าทางธุรกิจในระยะยาว

ทีทีบีย้ำกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เดินหน้ารักษาความแข็งแกร่ง เน้นจ่ายปันผลสูงและซื้อหุ้นคืนอย่างมีประสิทธิภาพ

และสำหรับช่วงที่เหลือของปี ทีทีบีจะยังคงเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นต่อการดำเนินการตามแผน Capital management และตั้งเป้าหมายในการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงต่อไป รวมทั้งเน้นย้ำการบริหารจัดการโครงการซื้อหุ้นคืนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อหุ้นคืนจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น