PTECH ปรับพอร์ตธุรกิจ ขายหุ้น VDP ลดขาดทุน เดินหน้าหา New S-Curve เสริมแกร่งการเงิน

PTECH เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ประกาศขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทลูก VDP เพื่อลดภาระขาดทุนสะสม เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน พร้อมมุ่งเป้าหาธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูง หวังสร้าง New S-Curve รองรับการเติบโตระยะยาว ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างกระบวนการเพิ่มทุน เพื่อขยายโอกาสและเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต

นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติรายการขายหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด หรือ VDP ซึ่งเป็นบริษัทลูก ทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2568 โดยขนาดรายการดังกล่าวคิดเป็น 17.95% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทตามงบการเงินไตรมาสที่1/2568 จึงต้องแจ้งข่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทั้งเตรียมจัดส่งหนังสือเวียนให้ผู้ถือหุ้นต่อไป ตามเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งนี้การซื้อขายดังกล่าวทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการได้ พิจารณาจากการประเมินมูลค่าและความเห็นโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระอย่างรอบคอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อให้ธุรกรรมแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. นี้

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถลดภาระการสนับสนุนทางการเงินและการขาดทุนต่อเนื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับบริษัท รวมถึงบริษัทแม่ คือ บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) หรือ WSOL ในอนาคตต่อไป

นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ PTECH สามารถโฟกัสธุรกิจการผลิตการ์ดซึ่งมีความชำนาญ รวมถึงมองหาการลงทุนในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากธุรกิจที่มีศักยภาพ และตอบโจทย์อนาคตได้ดียิ่งขึ้น

PTECH เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจ ลุยขาย VDP ปูทางสร้าง New S-Curve เพิ่มทุนเสริมแกร่งรับอนาคต

“การขายบริษัทลูกของ PTECH ในครั้งนี้เพื่อตอบรับแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว โดยเลือกลงทุนเฉพาะธุรกิจที่มีศักยภายในการสร้างรายได้ และการเติบโตได้อย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นการลดภาระทางการเงิน เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการ จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ VDP ที่หายไป การปรับโครงสร้างครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่คือการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้บริษัทมีความคล่องตัว พร้อมรับโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ต่อยอดสู่การเป็นสร้าง New S-Curve ในอนาคต” นายวิเลิศ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายระยะเวลาการจองซื้อและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนฯ โดยหลังจากวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 จะแจ้งให้ทราบถึงผลการเพิ่มทุนให้นักลงทุนทราบต่อไป