สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดหั่นคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 เหลือ 2% จากเดิม 2.4%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังคงมีมุมมองเชิงระมัดระวังต่อเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความเสี่ยงด้านดุลการค้า การชะลอตัวของนักท่องเที่ยว และแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มอ่อนแรงหลังสิ้นสุดฤดูกาล โดยล่าสุดได้ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 พร้อมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนมุมมองเศรษฐกิจที่อาจเปราะบาง

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงเหลือเติบโตร้อยละ 2 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 2.4 เนื่องจากความไม่แน่นอนของการค้าโลก จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ภาคการบริโภคชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และความเคลื่อนไหวทางการเมือง

“เรายังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังในเรื่องดุลการค้า แม้ว่าการส่งออกที่เกี่ยวกับภาคอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวขึ้น ในขณะที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากกำลังจะออกจากฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง” ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าว

ธนาคารคาดว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ น่าจะยังไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าจุดสูงสุดในช่วงก่อนโควิดระบาด

นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ลงเหลือร้อยละ 2 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 4.5 โดยเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และร้อยละ 1.0 ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ
“เราคาดว่าในตอนนี้ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 4 เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 1 – ร้อยละ 3 นอกจากนี้ เราได้ปรับลดคาดการณ์เงินบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลงเหลือร้อยละ 2 ของจีดีพี (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องมาจากดุลการค้าลดลง”

โดยธนาคารคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.75 ในการประชุมเดือนมิถุนายน และปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมเดือนสิงหาคม

“เรายังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังในเรื่องดุลการค้า แม้ว่าการส่งออกที่เกี่ยวกับภาคอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวขึ้น ในขณะที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากกำลังจะออกจากฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง” ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าว

ธนาคารคาดว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ น่าจะยังไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าจุดสูงสุดในช่วงก่อนโควิดระบาด

นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ลงเหลือร้อยละ 2 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 4.5 โดยเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และร้อยละ 1.0 ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ
“เราคาดว่าในตอนนี้ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 4 เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 1 – ร้อยละ 3 นอกจากนี้ เราได้ปรับลดคาดการณ์เงินบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลงเหลือร้อยละ 2 ของจีดีพี (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องมาจากดุลการค้าลดลง”

ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.75 ในการประชุมเดือนมิถุนายน และปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมเดือนสิงหาคม