💡 วิธีแยก “หุ้นซิ่ง” กับ “หุ้นขาขึ้น” ก่อนตัดสินใจลงทุน

ในตลาดหุ้นมีหุ้นบางตัวที่ราคาวิ่งแรงภายในวันเดียว แต่ไม่กี่วันก็ร่วงกลับ
กับอีกบางตัว ที่ค่อยๆ ไต่ขึ้น สร้างแนวโน้มระยะยาว และมักเป็นจุดเริ่มต้นของ “หุ้นมหาชน” ในอนาคต

การแยกระหว่าง “หุ้นซิ่ง” (เก็งกำไรแรงในระยะสั้น) กับ “หุ้นขาขึ้น” (มีพื้นฐานดีและกำลังเติบโต) จะช่วยให้ลงทุนอย่างมีสติ ไม่เผลอตามกระแสจนติดดอยโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่าต่างกันอย่างไรบ้างครับผม

🚀 หุ้นซิ่ง: แรง แต่ไม่มีราก
หุ้นประเภทนี้ตรงกับพฤติกรรมใน ทฤษฎี “Greater Fool” คือคนที่ยอมซื้อในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง  มักตามมาด้วยแรงขายอย่างรุนแรง มีลักษณะดังนี้

  • ราคาขึ้นรุนแรงในระยะสั้น (เช่น +10-20% ภายใน 1-2 วัน)
  • Volume พุ่งเร็วแบบผิดธรรมชาติ
  • ไม่มีข่าว หรือปัจจัยพื้นฐานหนุนที่ชัดเจน
  • กำไรยังไม่โต หรือบางครั้งยังขาดทุน
  • มีแรงปั่นตามกระแส ขาดฐานรองรับ

💚 หุ้นขาขึ้น: แรงแบบมีเหตุผล
ในทางตรงข้าม หุ้นขาขึ้นจริง จะเป็นหุ้นที่มีทั้ง “พื้นฐาน” และ “แรงส่งทางราคา” พร้อมกัน โดย William O’Neil ได้คิดทฤษฎี CAN SLIM เพื่อหาหุ้นที่จะขึ้นต่อเนื่องแบบมีคุณภาพ มีหลักการดังนี้

  • C (Current Earnings): กำไรไตรมาสล่าสุดโตแรง เช่น +25–50%
  • A (Annual Earnings): กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 3–5 ปี
  • N (New): มีสินค้า/บริการใหม่ หรือราคาเพิ่งทะลุ New High
  • S (Supply & Demand): มี Volume รองรับการขึ้นต่อเนื่อง
  • L (Leader): หุ้นเป็นผู้นำกลุ่ม 
  • I (Institutional Sponsorship): มีสถาบันถือหุ้น (Fund Flow จริง)
  • M (Market Direction): ตลาดโดยรวมอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น

หุ้นที่เข้าเกณฑ์ CAN SLIM คือหุ้น “ขาขึ้นที่แท้จริง” เพราะราคาขึ้นมาจากการเติบโตจริงของบริษัท ไม่ใช่แค่แรงซื้อชั่วคราว

📍 ช่องทางต่างๆ ของ StockRadars