OSP กำไรธุรกิจหลัก Q1/68 พุ่งนิวไฮ 970 ลบ. หนุนกำไรสุทธิแตะ 1,265 ลบ. โตแรงทั้ง YoY–QoQ

“โอสถสภา” รายงานกำไรจากธุรกิจหลักไตรมาส 1/2568 ที่ 970 ล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดฯ โต 17.1% YoY และ 57.9% QoQ จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมรับรู้กำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ดันกำไรสุทธิแตะ 1,265 ล้านบาท โต 52.7% YoY รายได้จากการขาย 6,831 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% QoQ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เติบโตโดดเด่น เดินหน้าแผนบริหารต้นทุน สร้างฐานธุรกิจระยะยาว

นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ มีรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจำนวน 5,821 ล้านบาท เติบโต 9.1% QoQ โดยมีการเติบโตโดดเด่นในตลาดต่างประเทศถึง 55.9% QoQ โดยเฉพาะในเมียนมาร์และลาว รายได้ในประเทศลดลง 8.4% QoQ จากการปรับโครงสร้างการขายและการจัดจำหน่าย

ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศโต 2.6% YoY

โดยโอสถสภาเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาด 44.8% และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่โอสถสภาเริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ่านเครื่องดื่ม M-150 ฝาเหลืองลิมิเต็ดเอดิชั่นในโอกาสครบรอบ 40 ปี พร้อมจัดเต็มกิจกรรมการตลาดที่สร้างความแตกต่าง เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีแบรนด์ M-150 ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 31.2% ด้านกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์เติบโต 1.6% YoY โดยโอสถสภาครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 46.6% เพิ่มขึ้น 3.7% YoY จากการเติบโตของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มซี-วิท ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มวิตามินซีอยู่ที่ 76.3% เพิ่มขึ้น 3.4% YoY รวมถึงเครื่องดื่มเปปทีนและเครื่องดื่มคาลพิส ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีรายได้เติบโต 10.1% YoY และมีการเติบโตโดดเด่นในตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิ 1,265 ล้านบาท เติบโต 123.2% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 52.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

OSP ทำสถิติอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางสาวรติพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกรอบด้าน หลังจากเสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ด้วยนวัตกรรมสินค้าและกิจกรรมการตลาดที่สร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลได้อย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคุมต้นทุนและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำสถิติอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดที่ 40.3% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารและกลยุทธ์สร้างการเติบโตระยะยาว โดยโอสถสภายังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งคุณประโยชน์และรูปแบบที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม อาทิ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง M-150 ฝาเหลืองรสชาติดั้งเดิมราคา 10 บาท เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เช่น แฮงค์สเตอร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลอย่างเบบี้มายด์แอนด์บียอนด์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาทิ อุทัยทิพย์เฮอบัลทินท์ พร้อมเตรียมเปิดตัวนวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ ในไตรมาส 2 นี้”

โอสถสภาพร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจ คิดค้นนวัตกรรมเพื่อขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ และมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐาน ESG รอบด้าน เพื่อสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้มีน้ำตาลต่ำกว่า 6% ทั้งหมดในปี 2568 ซึ่งบรรลุแล้ว 100% พร้อมรับมือภาษีน้ำตาลเฟส 4 ได้อย่างไร้ผลกระทบ และเดินหน้าพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับรางวัล Industry Mover จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และผ่านการรับรองจาก CDP (Climate Disclosure Project) ในระดับ B สะท้อนถึงความจริงจังในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบและความสามารถในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ

เพิ่มเติมรายได้จากการขาย สำหรับไตรมาส 1/68 ครับ