BCP ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีกำไรสุทธิ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนพลังงานยั่งยืน เปิดตัวหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) แบบ Stand-Alone แห่งแรกของประเทศไทย ณ โรงกลั่นพระโขนง กำลังผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาค
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวว่า “แม้ราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่บางจากฯ ยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรที่ดีไว้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด ซึ่งเป็นผลจากการบริหาร Synergy ระหว่างบริษัทฯ และบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาส 1 บริษัทฯ สามารถรับรู้ EBITDA จาก Synergy ได้ถึง 1,812 ล้านบาท แสดงถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่าในช่วงเวลาที่ท้าทาย มุ่งสู่การดำเนินงานแบบ Single Entity ที่ไร้รอยต่อ
ในขณะเดียวกัน เรายังเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย สะท้อนผ่านราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้น อัตรากำไรที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ ควบคู่ไปกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
ท่ามกลางสภาวะที่ท้าทาย บางจากฯ ยังได้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคต ด้วยการเปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand-Alone) แห่งแรกของประเทศไทย ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 ล้านลิตรต่อวัน เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาโครงสร้างโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าเรือ VLCC และการขยายท่าเรือรองรับเรือ Suezmax ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2
พร้อมกันนี้ ได้เร่งขยายสถานีบริการกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล ทั้ง Premium 97 และ Premium Diesel ควบคู่กับการพัฒนา Retail Experience ภายใต้แนวคิด “Greenovative Destination for Intergeneration” โดยตั้งเป้าขยายร้านกาแฟอินทนิลให้ครบ 1,400 สาขาภายในสิ้นปี รวมถึงเพิ่มจุดชาร์จ EV กว่า 419 แห่ง และจุดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น FURiO มากกว่า 2,000 แห่ง
โดยสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 134,647 ล้านบาท มี EBITDA 12,666 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 466 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.54 บาท
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในไตรมาสแรกของปี 2568 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 3,139 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยจะลดลงในไตรมาสก่อน สืบเนื่องจาก Crack Spread ที่อ่อนตัวในทุกผลิตภัณฑ์ แต่ผลจากราคาน้ำมันดิบเดทเบรนท์ที่มีราคาต่ำกว่าดูไบในไตรมาส 1 ช่วยชดเชยผลกระทบของ Crack Spread ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วน
นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนหลักจากการรับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 788 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชย Inventory Loss ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณเที่ยวบินและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สามารถชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน ร่วมกับได้รับปัจจัยหนุนจากการผลักดันยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทางที่มีค่าการตลาดที่สูงขึ้น โดยมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น จากร้อยละ 28.9 ณ สิ้นปี 2567 เป็นร้อยละ 29.3 ด้วยเครือข่ายสถานีบริการ 2,161 แห่งทั่วประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 1
สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลุ่มบริษัทบางจาก มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27,613 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 1,013 ล้านบาท โดยหลักเกิดจากกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนและจัดหาเงินใช้ไปมากกว่ากระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับที่ยังแข็งแรงที่ 1.12 เท่า และมีอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทที่ระดับ “A+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง
ข้อมูลสำคัญทางการเงินเพิ่มเติมครับ

You must be logged in to post a comment.