ในตลาดหุ้นช่วงที่มีความผันผวนสูงแบบนี้ การศึกษาหุ้นที่ทำ “จุดต่ำสุดตลอดกาล” (All Time Low) ถือเป็นสัญญาณสำคัญ ที่อาจสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน หรือศึกษาโอกาสที่อาจมีในหุ้นที่ราคาลดลงมากๆ
เช่นการใช้ฟีเจอร์ “All Time Low” บนแอป StockRadars ล่าสุด (ข้อมูลวันที่ 4 เมษายน 2568) ได้พบว่า มีถึง 3 หุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ราคาลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ตั้งแต่เข้าตลาด โดยแต่ละบริษัทก็มีภูมิหลังธุรกิจและปัจจัยเฉพาะตัวที่น่าจับตามอง
———————————-
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อ วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเชิงธุรกิจ โดยอิงจากสถานการณ์ราคาหุ้นล่าสุด และข้อมูลจากแอปพลิเคชัน StockRadars เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาแนะนำให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ประเมินความเสี่ยง และพิจารณาตัดสินใจด้วยตนเองหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนทุกครั้ง
———————————-
1️⃣ SCGP – เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
บริษัทลูกของ SCG ที่ดำเนินธุรกิจ Holding ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ทั้งกล่องกระดาษ ลูกฟูก พลาสติก จานชามถ้วย และแพ็กเกจจิ้งเชิงนวัตกรรมอื่นๆ โดยมีฐานลูกค้าหลากหลาย เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
🌟 จุดแข็ง
- มีเครือข่ายโรงงานในหลายประเทศ
- ลูกค้ากระจายในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
- เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
➡️ สถานะล่าสุด ณ วันที่ 4 เมษายน 2568 - ราคาหุ้นอยู่ที่ 12.20 บาท
- Market Cap: 54,520 ล้านบาท
- รายได้ปี 2567: 133,778.42 ล้านบาท
- กำไรสุทธิปี 2567: 3,699.08 ล้านบาท
- P/E 14.16 เท่า
- ปันผล 4.51%
- นักลงทุนกังวลเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงการแข่งขันด้านราคา
———————————-
2️⃣ AWC – Asset World Corporation
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ “กลุ่มทีซีซี” ที่เน้นพัฒนาและบริหาร โรงแรมระดับไฮเอนด์ – พื้นที่ค้าปลีก – อาคารสำนักงาน รวมถึงศูนย์การค้า โดยถือครองแบรนด์ชั้นนำ เช่น Marriott, Hilton, Banyan Tree และโรงแรมระดับแลนด์มาร์กในไทย
🌟 จุดแข็ง
- เป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีพอร์ตโรงแรมหรูใหญ่ที่สุดในไทย
- โซนที่ตั้งโรงแรมครอบคลุมทำเลหลักในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
- โดดเด่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูงจากทั่วโลก
- ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวไทย
➡️ สถานะล่าสุด ณ วันที่ 4 เมษายน 2568 - ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.34 บาท
- Market Cap: 74,910 ล้านบาท
- รายได้ปี 2567: 16,023.21 ล้านบาท
- กำไรสุทธิปี 2567: 5,850.30 ล้านบาท
- P/E 12.80 เท่า
- ปันผล 3.21%
- ปัจจัยกดดันคือดอกเบี้ยสูง – ค่าเสื่อมอาคาร
———————————-
3️⃣ COCOCO – Thai Coconut
ดำเนินธุรกิจส่งออก ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ทั้งน้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม กะทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ขนมมะพร้าว อาหารสำเร็จรูป อาหารสัตว์ รวมถึง OEM ให้แบรนด์อื่นๆ
🌟 จุดแข็ง
- ผู้นำอันดับ 1 ในการส่งออกน้ำมะพร้าวไปสู่ตลาดโลก
- Margin สูงกว่าธุรกิจเกษตรแบบดั้งเดิม
- สัดส่วนการส่งออกมากกว่า 80%
➡️ สถานะล่าสุด ณ วันที่ 4 เมษายน 2568 - ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.45 บาท
- Market Cap: 9,481 ล้านบาท
- รายได้ปี 2567: 6,619.16 ล้านบาท
- กำไรสุทธิปี 2567: 686.39 ล้านบาท
- P/E 13.81 เท่า
- ปันผล 4.65%
จากที่เห็นทั้ง SCGP, AWC และ COCOCO ต่างก็มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงในระดับหนึ่ง แต่ด้วยปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ดอกเบี้ย หรือแรงเทขายของรายใหญ่ ก็อาจทำให้ราคาหุ้นปรับลงมากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการศึกษาเชิงลึกของหุ้นที่ “ราคาลงมากจนผิดปกติ” แบบนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาโอกาสในระยะยาวก็ได้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานควบคู่ไปกับเทคนิคอล เช่น บริษัทมีกำไรต่อเนื่องหรือไม่? ปันผลยังจ่ายสม่ำเสมอหรือเปล่า? แนวโน้มอุตสาหกรรมอยู่ในช่วงขาลงหรือฟื้นตัว?
เพราะทั้งหมดคือ ”เรดาร์“ บอกจุดน่าสนใจได้…แต่สุดท้าย นักลงทุนต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง
———————————-
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อ วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเชิงธุรกิจ โดยอิงจากสถานการณ์ราคาหุ้นล่าสุด และข้อมูลจากแอปพลิเคชัน StockRadars เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาแนะนำให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ประเมินความเสี่ยง และพิจารณาตัดสินใจด้วยตนเองหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนทุกครั้ง