การลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลและการวิเคราะห์ที่รอบคอบ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเลือกหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การใช้ “อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratios)” ในการประเมินความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัท
มาทำความรู้จักกับ 6 อัตราส่วนทางการเงินสำคัญที่ต้องรู้ก่อนลงทุน พร้อมวิธีใช้งานดังนี้
1. ROE (Return on Equity)
วัดความสามารถของบริษัทในการนำเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นไปทำให้งอกเงย ยิ่งค่าสูงยิ่งดี และควรมี ROE > 15%
โดยมาจาก: Net Profit (กำไรสุทธิ) หารด้วย Equity (ส่วนของผู้ถือหุ้น)
2. ROA (Return on Assets)
วัดความสามารถในการทำกำไรจากสินทรัพย์ของบริษัท ยิ่งค่าสูงยิ่งดี และควรมีค่า ROA > 5%
โดยมาจาก: กำไรสุทธิ (Net Profit) หารด้วย สินทรัพย์รวม (Asset)
3. P/E (Price to Earnings)
วัดจำนวนปีที่จะคืนทุน ยิ่งค่าต่ำยิ่งดี
โดยมาจาก: ราคาต่อหุ้น (Price per share) หารด้วย กำไรต่อหุ้น (Earning per share)
4. P/BV (Price to Book Value)
วัดความถูกหรือแพงของหุ้น เมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีของส่วนของเจ้าของ ยิ่งค่าต่ำยิ่งดี
โดยมาจาก: ราคาต่อหุ้น (Price per share) หารด้วย มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value per share)
5. D/E (Debt to Equity)
วัดว่าบริษัทมีหนี้สินเป็นกี่เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น ยิ่งค่าต่ำยิ่งดี
โดยมาจาก: หนี้สินรวม (Debt) หารด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)
6. EPS (Earnings Per Share)
วัดว่าหุ้นแต่ละตัวทำกำไรได้เท่าไหร่ ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นมีกำไรสุทธิที่สูง
โดยมาจาก: กำไรสุทธิ (Net Profit) หารด้วย จำนวนหุ้นบริษัทที่ชำระแล้ว (Outstanding Shares)
การวิเคราะห์หุ้นด้วยอัตราส่วนทางการเงินถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าค่าที่ได้จะตรงตามทฤษฎีบอกไว้ แต่ก็ควรดูหลาย ๆ องค์ประกอบเพื่อใช้ตัดสินใจลงทุนนะครับ
โดยเพื่อน ๆ สามารถดูค่าเหล่านี้ได้ผ่านฟีเจอร์ Insight ของหุ้นแต่ละตัว เพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนได้เลยครับ
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย