HomeAMD หรือ Microsoft หุ้น Tech ตัวไหนดีกว่ากัน? 

AMD หรือ Microsoft หุ้น Tech ตัวไหนดีกว่ากัน? 

AMD หรือ Microsoft หุ้น Tech ตัวไหนดีกว่ากัน?

สายตาของนักลงทุนทุกคนจับจ้องไปที่หุ้นเทคโนโลยีในปีนี้ เนื่องจากความก้าวหน้าในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วในปี 2566 และแนวโน้มนี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้า

บริษัท Advanced Micro Devices (AMD) และ Microsoft (MSFT) เป็นสองตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยทั้งสอนบริษัทนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในด้าน AI รวมไปถึงเทคโนโลยีอื่นๆ

แล้วหุ้นเทคโนโลยีตัวไหนที่ดีกว่ากันระหว่าง AMD กับ Microsoft? มาหาคำตอบกันเถอะ!

🦾 AMD

หุ้นผู้ผลิตชิปพุ่งแรงควบคู่ไปกับกระแสบูมของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากฮาร์ดแวร์ของพวกเขาเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างและรันโมเดล AI โดยหุ้นของ AMD ทะยานขึ้นกว่า 115% นับตั้งแต่ต้นปี

บริษัทเตรียมพร้อมขึ้นเป็นผู้ท้าชิงกับ Nvidia ยักษ์ใหญ่ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI ราว 90% ในปี 2567 ด้วยการเปิดตัวหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ใหม่เอี่ยมรุ่น MI300X โดยบริษัทได้รับแรงหนุนจาก Microsoft ซึ่งประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure จะเป็นเจ้าแรกที่เริ่มใช้ GPU รุ่น MI300X ของ AMD เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI

แม้การโค่นล้มบัลลังก์ Nvidia ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในบรรดาบริษัทมากมายที่กระโดดเข้าสู่ตลาดพัฒนาชิป AMD น่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุดในการต่อกรกับ Nvidia โดย AMD ครองอันดับสองในตลาด GPU บนเครื่องเดสก์ท็อปมาหลายปี คิดเป็นประมาณ 10% ของอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับ 87% ของ Nvidia

นอกจาก AI แล้ว AMD ยังมีสถานะที่แข็งแกร่งในวงการเกม ชิปของพวกเขาเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเกมบน PC ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ของ AMD ในการสร้างคอมพิวเตอร์เกมประสิทธิภาพสูง

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทยังเป็นซัพพลายเออร์สำหรับชิปแต่เพียงผู้เดียวให้กับ PlayStation 5 ของ Sony และ Xbox Series X|S ของ Microsoft ซึ่งเป็นคอนโซลที่ขายดีที่สุดในโลก

AMD กำลังขับเคลื่อนตลาดเทคโนโลยีด้วยฮาร์ดแวร์ของพวกเขาและมีแนวโน้มที่สดใสในระยะยาวเนื่องจากความต้องการชิปยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

🤖 Microsoft

ในฐานะบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับสองของโลกด้วยมูลค่าตลาด 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ Microsoft เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและราชาแห่งผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ดังอย่าง Windows, Office, Azure และ LinkedIn ที่ธุรกิจหลายล้านรายพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เพื่อปรับใช้อุตสาหกรรมที่เติบโตสูงอย่าง AI และการประมวลผลแบบคลาวด์กับองค์กร

ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2567 (สิ้นเดือนกันยายน 2566) บริษัทมีรายได้เติบโต 13% เมื่อเทียบเป็นรายปีและสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตที่โดดเด่นส่วนใหญ่ต้องขอบคุณรายได้ที่เพิ่มขึ้น 13% ในส่วนการผลิตและกระบวนการทางธุรกิจ และรายได้จากคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น 19%

ไม่เพียงเท่านั้น Microsoft ได้หันมาโฟกัสที่เทคโนโลยี AI ในปีนี้ การลงทุนมหาศาลในตลาดนี้ส่งผลให้บริษัทครอบครองหุ้นถึง 49% ในบริษัท OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ซึ่งทำให้ Microsoft สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสุดล้ำหน้าของสตาร์ทอัพนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

Microsoft ได้นำโมเดลของ OpenAI มาปรับปรุงบริการต่างๆ เช่น AI assistant สำหรับ Microsoft 365 ที่เรียกว่า “Copilot” โดยบริษัทได้เรียกเก็บเงิน 30 ดอลลาร์ต่อเดือนเพิ่มเติมจากค่าบริการเดิม ซึ่งแสดงถึงการเริ่มต้นสร้างรายได้จากการขยายตัวด้าน AI ของ Microsoft

สถานะที่แข็งแกร่งในวงการเทคโนโลยีของ Microsoft ทำให้บริษัทได้รับ Brand loyalty ที่ดีจากลูกค้าและการที่มีทรัพยากรทางการเงินมหาศาลส่งผลให้ Microsoft มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต

⁉️ AMD หรือ Microsoft: หุ้นเทคโนโลยีตัวไหนดีกว่ากัน?

ทั้ง AMD และ Microsoft มีแนวโน้มที่น่าตื่นเต้นในปี 2567 ด้วยโอกาสการเติบโตจากเทคโนโลยี AI และจุดแข็งในตลาดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ครองตลาดนั้นไม่จำเป็นว่าราคาของหุ้นจะต้องเติบโตไปแนวทางเดียวกันเสมอไป

📈Forward Price-to-Earnings

AMD: 51.92

Microsoft: 32.67

💸 Price-to-Free-Cash-Flow

AMD: 169.26

Microsoft: 43.22

จากข้อมูลข้างต้นซึ่งมีการเปรียบเทียบค่า “Forward Price-to-Earnings” และ “Price-to-Free-Cash-Flow” ของ AMD และ Microsoft ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าสองตัวที่น่าสนใจ แม้ตัวเลขของ Microsoft จะไม่ได้ชี้ชัดว่า “ถูก” แต่ยังคงต่ำกว่าของ AMD อย่างมาก จึงบ่งบอกว่า หุ้นของ Windows นั้นน่าสนใจและคุ้มค่ากว่าหุ้นของ AMD ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ Microsoft ยังสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ถึง 63,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่ AMD ทำได้เพียงประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์

ดังนั้น Microsoft ไม่เพียงเป็นหุ้นที่ราคาถูกกว่าแต่ยังเป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือกว่า เนื่องจากมีเงินทุนมากพอที่จะฝ่ามรสุมเศรษฐกิจและลงทุนต่อยอดธุรกิจของตนเองได้

✅ สรุป: แม้ทั้ง AMD และ Microsoft จะมีศักยภาพที่น่าสนใจในวงการ AI แต่หุ้นของ Microsoft ดูคุ้มค่ากว่าในปัจจุบัน ทั้งจากราคาที่เหมาะสมกว่าและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับตัวกับความผันผวนของตลาดและลงทุนเพื่ออนาคตได้ดีกว่า

📌สนใจที่จะลงทุนในหุ้น AMD และ Microsoft?

แอปพลิเคชัน StockRadars PLUS คือคำตอบ

StockRadars PLUS เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการซื้อ-ขาย หุ้นและ ETF อเมริกา โดยสามารถซื้อ-ขายในรูปแบบ Fractional Share ได้

ดังนั้น นักลงทุนจึงสามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 1 ดอลลาร์ (หรือประมาณ​35 บาทเท่านั้น) เพื่อเป็นเจ้าของในหุ้นระดับโลกอย่าง Tesla, Netflix, Apple และหุ้นชั้นนำอีกมากมาย

นอกจากนี้ StockRadars PLUS จะพาผู้ใช้งานทุกคนไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ผ่านการทำความรู้จักกับหุ้นชั้นนำต่างๆ ในรูปแบบ Short Video และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถแสดงความคิดเห็นในหุ้นแต่ละตัวได้

มาเดินทางไปสู่ตลาดอเมริกาด้วยกัน เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars PLUS ได้เลย! https://bit.ly/OpenAccount_StockRadarsPLUS

ดาวน์โหลด StockRadars PLUS ที่นี่ https://stockradarsplus.page.link/STRFBpagedownload