HomeOn RadarsPOLY เตรียมเปิดให้ซื้อ/ขายบน SET ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 นี้

POLY เตรียมเปิดให้ซื้อ/ขายบน SET ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 นี้


POLY ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน ยาง พลาสติก และซิลิโคน ชั้นนำของประเทศไทย มีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นหุ้นที่กำลังจะเปิดให้ซื้อ/ขายใน SET

เตรียมเปิดให้ซื้อ/ขายในอนาคตอันใกล้

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของบริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) (POLY) เปิดเผยว่า “ในช่วงจองซื้อหุ้น IPO ของ POLY ระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายน นั้นมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวนตั้งแต่วันแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท”

POLY กำหนดราคาเสนอขายที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า

นางสาวสุวิมล กล่าวเสริมว่า “ด้วยบริการอย่างครบวงจรของบริษัททำให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งอยู่ในระดับ Global Brandในขณะที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการขยายธุรกิจก็สามารถสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก็ทำให้มั่นใจได้ว่า POLY จะได้รับการตอบรับที่ดีในวันเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่จะถึงนี้”

ผลการดำเนินงานที่น่าจับตามอง

นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ POLY) กล่าวว่า “บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโต ซึ่งทำให้การจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จและสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 370 ล้านบาท, ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 320 ล้านบาท และใช้ลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมอีก 95 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและต่อยอดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”

ในส่วนของแผนในอนาคต POLY ตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้จาก 3 ธุรกิจหลักในกลุ่มยานยนต์ กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 นั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 52%, 36% และ 12% ตามลำดับ โดยบริษัทมีแผนที่จะผลักดันให้สัดส่วนของรายได้ในแต่ละกลุ่มนั้นใกล้เคียงกัน บริษัทจึงจะลดสัดส่วนรายได้จากกลุ่มยานยนต์ให้ต่ำกว่า 50% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี โดยไม่ลดปริมาณรายได้จากการขาย ขณะที่อีก 2 กลุ่มธุรกิจ บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดและฐานลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้เกิดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทสามารถทำรายได้รวม 526.9 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตประมาณ 50% และสร้างกำไรสุทธิที่ 78.5 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 57.9% ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานในปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

[SPECIAL] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD

#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews

หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ

Website: https://www.stockradars.news

Application: https://www.stockradars.co/getradars

LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars

Telegram: https://t.me/StockRadarsBlockdit: https://www.blockdit.com/stockradars