📌 “เอสซีจี เคมิคอลส์” หรือ SCGC ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนเสริมศักยภาพผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์ แบบครบวงจรในอาเซียน
พร้อมชูศักยภาพเป็นผู้นำเพียงรายเดียวที่มีฐานการผลิตทั้งในไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
โดยทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมาย เดินหน้าโครงการ LSP คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีแห่งแรกของประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งแรกของปี 2566
นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เปิดเผยว่า SCGC เป็น “ผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน” ที่มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์กว่า 40 ปี และบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) เพียงรายเดียว ที่มีการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน”
“และขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มพอลิเมอร์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (GREEN POLYMER) เป็น 1 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573”
“เรามีความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจระยะยาว ซึ่งความต้องการใช้สินค้าและนวัตกรรมเคมีภัณฑ์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเมกะเทรนด์ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน SCGC จึงเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับแผนการลงทุนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต” นายธนวงษ์ กล่าว
⚡️ พร้อมผลิตและจัดจำหน่ายพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูง
ปัจจุบัน SCGC สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์โมโนเมอร์ต้นน้ำ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ปลายน้ำ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ เพื่อนำไปใช้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ (Olefins) พอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) และเม็ดพีวีซี (PVC) รวม 6.9 ล้านตันต่อปี
และบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผนึกกำลังร่วมกันระหว่างธุรกิจในกลุ่ม SCGC เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่ดี ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2564 มีรายได้จากการขาย 238,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.3 จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 43,164 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 129.4 จากปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณและราคาขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ SCGC ยังประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อปี ให้แก่ประชาชนทั่วไป มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท
สำหรับ ความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 3,854,685,000 หุ้น (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) อาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25.2 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้นของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (Pre-Emptive Right) ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ผู้ลงทุนสถาบัน บุคคลที่มีความสัมพันธ์ และ/หรือ ผู้มีอุปการคุณของ SCGC และ/หรือ บริษัทย่อยของ SCGC และ/หรือ บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) (หากมี) โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ
และคาดว่า จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ ชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
[SPECIAL] ⭐️ เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
You must be logged in to post a comment.