เมื่อเช้านี้ที่ผ่านมา บริษัท BANPU ได้รายงานต่อหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทย่อยของตนเองได้ไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่ง ขนาด 15 และ 35 เมกะวัตต์
โดยบริษัทย่อยระหว่างบริษัทบ้านปู เน็กซ์ จำกัดและบริษัทบ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่มีชื่อว่า บริษัท BRE Singapore Pte. Ltd ได้เข้าลงทุนเต็มจำนวนในบริษัท Licogi 16 Gia Lai Investment Renewable Energy Joint Stock Company (LCE Gia Lai) และบริษัท Licogi 16 Ninh Thuan Investment Renewable Energy Joint Stock Company (LCE Ninh Thuan) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวม 26.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
ทั้งนี้ บริษัท Licogi 16 Gia Lai Investment Renewable Energy Joint Stock Company (LCE Gia Lai) เป็นผู้ถือหุ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Chu Ngoc ที่มีกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์
ในขณะที่บริษัท Licogi 16 Ninh Thuan Investment Renewable Energy Joint Stock Company (LCE Ninh Thuan) เป็นผู้ถือหุ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Nhon Hai ที่มีกำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์
สรุปอย่างง่ายกับดีลนี้ นั่นคือ บริษัทย่อยระหว่าง BANPU และ BPP เข้าไปลงทุนในบริษัท 2 แห่งของเวียดนามข้างต้นที่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง
นอกจากนี้ BANPU ยังต้องการขยายกำลังการผลิตของตนเองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหากรวมดีลล่าสุดนี้ที่เกิดขึ้นในเวียดนาม จะทำให้มีกำลังผลิตรวม 4,435 เมกะวัตต์ และมีการตั้งเป้าหมายว่าในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตรวมจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า 6,100 เมกะวัตต์
หากมองตามแผนกลยุทธ์ของ BANPU ดีลนี้เองก็สอดรับการกลยุทธ์กับ BANPU ที่เน้นการกระจายธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น ลดการลงทุนในกลุ่มถ่านหินและมุ่งสู่การผลิตอย่างยั่งยืนแทน ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็มีความเกี่ยวข้องกับหลายประเทศอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่นและอินโดนีเซียที่มีความต้องการสูง
แนวทางการขยับการลงทุนในพลังงานสะอาดของ BANPU จึงอาจต้องติดตามกันต่อไป แต่เมื่อดูตามแผนกลยุทธ์ของ BANPU แล้ว การเปลี่ยนมาลงทุนในพลังงานสะอาดก็เป็นโอกาสที่ทำให้ค่อยๆ ปรับตัวของบริษัทมากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนของพลังงานสะอาดก็มีแนวโน้มลดลงมากขึ้น