สัปดาห์ที่แล้ว (17 มกราคม – 21 มกราคม 2565) หุ้นไทยย่อตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น โดยในสัปดาห์นี้ต่ำกว่าแนวต้าน 1,670 จุดและปิดตลาดเหนือแนว 1,650 จุดเล็กน้อย ทั้งนี้ในแต่ละวันในสัปดาห์ หุ้นไทยปิดตลาดและมีมูลค่าซื้อขายสุทธิดังต่อไปนี้
⁃ วันจันทร์ ปิดตลาดที่ 1,676.87 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 82,389 ล้านบาท
⁃ วันอังคาร ปิดตลาดที่ 1,660.27 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 113,953.45 ล้านบาท
⁃ วันพุธ ปิดตลาดที่ 1,658.24 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 96,191.89 ล้านบาท
⁃ วันพฤหัสบดี ปิดตลาดที่ 1,656.96 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 80,864.60 ล้านบาท
⁃ วันศุกร์ ปิดตลาดที่ 1,652.73 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 81,426.12 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากแบ่งแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่านักลงทุนทั่วไปในประเทศมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิในแดนบวกมากที่สุด ส่วนนักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายในแดนลบมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ เป็นไปดังต่อไปนี้
⁃ นักลงทุนต่างประเทศ -4,443.26 ล้านบาท
⁃ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -585.60 ล้านบาท
⁃ สถาบันในประเทศ -6,057.06 ล้านบาท
⁃ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ +11,085.92 ล้านบาท
โดยหากมองตั้งแต่ต้นมกราคมเป็นต้นมา พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศมีมูลค่าซื้อขายสุทธิในแดนลบมากที่สุด ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมูลค่าซื้อขายสุทธิในแดนบวกมากที่สุดจากการเข้าซื้อต่อเนื่องในสองสัปดาห์แรกของเดือน ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ เป็นไปดังต่อไปนี้
⁃ นักลงทุนต่างประเทศ +9,318.05 ล้านบาท
⁃ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +4,931.07 ล้านบาท
⁃ สถาบันในประเทศ -20,975.79 ล้านบาท
⁃ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ +6,726.67 ล้านบาท
ในส่วนของหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายโดดเด่นในแดนบวกตอนปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร ได้แก่ TKC, TRUE, JAMRT, ADVANC ตามมาด้วยกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ อย่าง AMATA, WHA, CPN กลุ่มพลังงานอย่าง GUNKUL EA และกลุ่มพาณิชย์อย่าง CPALL SABUY เป็นต้น
ทั้งนี้ หลายหมวดธุรกิจก็สามารถยืนในแดนบวกได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอสังหาฯ และก่อสร้าง (+0.95%) ที่ปรับตัวเพิ่มอย่างโดดเด่น แม้จะย่อตัวลงเล็กน้อย กลุ่มสื่อบันเทิง (+0.49%) ตลอดจนกลุ่มสื่อสาร (+0.50%) ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มที่มีแนวโน้มการแกว่งตัวขึ้นลง ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (+0.12%) กลุ่มการเงิน (+0.22%) กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (+1.40%) กลุ่มพลังงาน (+0.48%) และกลุ่มเกษตร (+0.10%) ที่ยังคงปรับตัวขึ้นลงอย่างผันผวนไม่น้อย
นอกจากนี้ บางกลุ่มยังคงอยู่ในช่วงย่อตัวลง เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (+0.04%) ที่ย่อตัวลงอย่างหนัก กลุ่มบริการ (+0.33%) ยังย่อตัวในกรอบแคบๆ กลุ่มพาณิชย์ (+0.27%) กลุ่มบริการสุขภาพ (+0.66%) และกลุ่มขนส่ง (+0.30%)
ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ อาทิ กลุ่มแฟชั่น กลุ่มอุปกรณ์บ้านและสำนักงาน กลุ่มของส่วนบุคคล กลุ่มธนาคาร กลุ่มประกันภัย กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มยานยนต์ กลุ่มกระดาษ กลุ่มเหล็ก กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มบริการเฉพาะกิจ กลุ่มพลังงาน กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเทคโนโลยีล้วนปิดตลาดในแดนลบ
โดยในส่วนของสัปดาห์นี้ ต้องติดตามสถานการณ์ภายในประเทศ อาทิ เรื่องค่าเงินบาทปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งและนโยบาย test and go ที่จะเริ่มต้นในเดือนหน้าอีกครั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากแค่ไหน รวมไปถึงสถานการณ์นอกประเทศอย่างราคาน้ำมันที่ปรับตัวจากแรงเทขายเก็งกำไร ราคาทองคำที่ปรับตัวลงแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่เหล่านักลงทุนยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย
[เพิ่มเติม] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadars
Blockdit: https://www.blockdit.com/stockradars