เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศกร้าวลด QE ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจะลด QE สูงถึงเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว
วงเงินนี้นับว่าสูงไม่น้อย แต่หากมองย้อนกลับไปในช่วงก่อนหน้า ธนาคารกลางสหรัฐ มีการอัดฉีด QE เข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างไม่จำกัดและยังคงในระดับการทำ QE ต่อเดือนที่สูงมาก
โดยเป้าหมายการทำ QE ก็เพื่อคอยเสริมสภาพคล่องในเศรษฐกิจมากขึ้น ผ่านการทำให้ต้นทุนด้านกู้ยืมหรืออัตราดอกเบี้ยน้อยลง ส่งผลให้ภาคเอกชนต่างๆ มีการลงทุนมากขึ้น และนอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ภาคครัวเรือนนำเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
แต่เรื่องราวมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคธุรกิจบางส่วนไม่สามารถแบกรับต้นทุนการทำธุรกิจเอาไว้ได้ จากมาตรการปิดเมืองที่ส่งให้ดีมานด์ในประเทศลดลง ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นำไปสู่การปลดพนักงานบางส่วนออก ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นและยิ่งตอกย้ำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและชะลอตัวออกไปท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น
ดังนั้นจึงทำให้การเพิ่ม QE ของธนาคารกลางสหรัฐช่วยกระตุ้นไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่สูงขึ้นเนื่องด้วยกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและมีการสะสมเงินฝากที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น เมื่ออุปทานการผลิตกลับมาเป็นปกติ แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อฝั่งอุปสงค์ก็เพิ่มอีกครั้ง เมื่อกำลังซื้อผู้บริโภคในสหรัฐ กลับมาเป็นแข็งแกร่งอีกครั้ง ซึ่งมีประมาณกว่าสองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ FED เองก็ได้ปรับการคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจสู่ระดับร้อยละ 5.5 ในปีนี้ และในปี 2565 ที่ระดับร้อยละ 4 กิจสหรัฐฯ แต่ ตลอดจนอัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
นอกจากนี้ FED เองยังประกาศที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีหน้า โดย FED เองก็ยอมรับว่าจะตั้งใจควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ต้องการให้ได้ ซึ่งทำให้นักลงทุนเองมั่นใจพอสมควรว่าความเสี่ยงจากด้านอัตราเงินเฟ้อจะลดลงได้ ทำให้ตลาดลดความผันผวนในระยะสั้นได้ เป็นไปตามความต้องการของ FED อีกด้วย
แต่ในระยะยาว ยังคงความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านอุปทานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื้อโอไมครอน ซึ่ง FED ก็ค่อนข้างระมัดระวังเรื่องนี้พอสมควร จึงประกาศความชัดเจนต่อตลาดพร้อมกับทิศทางที่ชัดเจนในการลด QE และขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้นนักลงทุนจึงอาจต้องติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป
หากแต่ในระยะสั้น นักลงทุนยังไม่จำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างทันที บางรายธุรกิจที่เกี่ยวพันกับเรื่องเงินเฟ้อและการเติบโตในระยะยาวอาจคลายความกังวลลงได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงานทางเลือก เป็นต้น แต่ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ อาจต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนพอสมควรในแนวโน้มระยะสั้น
[เพิ่มเติม] ⭐เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!” สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
หรือติดตามเรา ในช่องทางอื่นๆ
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/%40stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadars
Blockdit: https://www.blockdit.com/stockradars