HomeOn RadarsHREIT เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ย้ำความต้องการเช่ายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

HREIT เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ย้ำความต้องการเช่ายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

📌 HREIT เตรียมเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เล็งเพิ่มสินทรัพย์ 1,337.70 ลบ. พร้อมประมาณการผลตอบแทน คาดจ่ายในรูปแบบเงินปันผลและลดทุน อยู่ที่ 0.69 บาทต่อหน่วยทรัสต์ หรือถ้าเทียบกับราคาเสนอขายสูงสุดที่ 7.50 บาท จะเห็นว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูง โดยเปิดจองซื้อสำหรับนักลงทุนเดิม ในวันที่ 16-20 พ.ย. 2563 และ 23-26 พ.ย. 2563 ส่วนนักลงทุนทั่วไปในวันที่ 16-20 พ.ย. 2563 และ 23-27 พ.ย. 2563 ติดต่อได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

นางสาวจารุชา สติมานนท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) เปิดเผยถึงทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุนนั้น มีความโดดเด่นด้านทำเลทองที่มีศักยภาพสูงเพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนการลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ประกอบการข้ามชาติยักษ์ใหญ่หลายรายที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในหลายภาคอุตสาหกรรม

และด้วยแนวโน้มความต้องการเช่าโรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราการเช่าพื้นที่ (occupancy rate) ของกองทรัสต์ HREIT ที่อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน นับเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยผลักดันให้อัตราค่าเช่าของกองทรัสต์ HREIT สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต

“ในความจริงประเทศไทย โดดเด่นในเรื่องของ Infrastructure มาก หากเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ ต้องยอมรับว่าในเวลาที่มีการย้ายฐานการผลิต ถ้าเกิดในภูมิภาคนี้ ก็จะมองมาที่เวียดนามและไทย ซึ่งจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยเวียดนามจะมีจุดเด่นในเรื่องของแรงงานที่หาได้ง่าย และค่าแรงที่ถูกกว่า แต่ในส่วนของประเทศไทยนั้น เรื่องของ Infrastructure เรายังทำได้ดีกว่า”

สำหรับทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ประกอบด้วย 5 โครงการเป็นพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปรวม 48,127 ตารางเมตร โดยเป็นทรัพย์สินของ 3 บริษัท ได้แก่

👉🏻 1) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (สำหรับบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1))

👉🏻 2) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด (สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) และ โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2 (WHA LP 2))

👉🏻 3) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล บิวดิ้ง จำกัด โดยเป็นบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1) โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4 (WHALP 4) และโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี (WHA SIL)

ซึ่งภายหลังจากที่กองทรัสต์ HREIT มีการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่ 3 แล้ว คาดว่าผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลและเงินลดทุน (Total Distribution per Unit) เพิ่มขึ้น เมื่ออ้างอิงจากประมาณการกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั่นคือ ได้มีการประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนต่อหน่วย จำนวน 0.69 บาทต่อหน่วยทรัสต์ ซึ่งสอบทานโดยผู้สอบบัญชี

แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 จะสร้างผลกระทบให้กับหลายภาคส่วนอุตสาหกรรม แต่ด้วยศักยภาพของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุนนั้น มีความโดดเด่นในเรื่องของอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน สะท้อนถึงศักยภาพของผู้เช่าและทำเลที่ตั้งของทรัพย์สิน ในขณะที่ผู้ถือหน่วยจะได้ผลประโยชน์จากการได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและเงินคืนทุนที่สูงขึ้น ซึ่งผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว

อนึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 กองทรัสต์ HREIT มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 9,913.24 ล้านบาท ภายหลังจากการลงทุนในทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์ HREIT จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 1,337.70 ล้านบาท ประมาณการสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์ HREIT จะเพิ่มขึ้น เป็น 11,250.94 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนเดิม สามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 16-20 พ.ย. 2563 และ 23-26 พ.ย. 2563 ส่วนนักลงทุนทั่วไปวันที่ 16-20 พ.ย. 2563 และ23-27 พ.ย. 2563 ติดต่อได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา