📌 สุริยะชูอุตสาหกรรมดาวรุ่งปี 2564 ยา-อาหารยังโตต่อเนื่อง ชี้ภาคอุตฯ ต้องปรับตัวให้ทันความต้องการยุค New Normal
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่เน้นสินค้าจำเป็นมากขึ้น เช่น สินค้ากลุ่มอุปโภคและบริโภค โดยผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประมาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเป็นอุตสาหกรรมเด่นที่ขยายตัวต่อเนื่องในปี 2564 ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความต้องการในการรักษาโรค และความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าทั้งปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน
เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมถุงมือยาง ที่คาดว่าในปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) คาดว่าทั้งปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการสำรองสินค้าทั้งตลาดในประเทศและส่งออก
นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่ใช้ในครัวเรือน คาดว่าในปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้สินค้าประเภทตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟและกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการสำรองอาหารสดไว้ที่บ้านเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการมีการลดราคาสินค้า ส่วนเครื่องซักผ้ามีการส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น
“อุตสาหกรรมอาหารและเภสัชภัณฑ์จะเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในปี 2564 เนื่องจากสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ แต่ในภาพรวมภาคอุตสาหกรรมผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการห่วงโซ่การผลิต มุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการปล่อยมลภาวะและสร้างเศรษฐกิจสีเขียว สามารถตอบสนองต่อความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่กำลังขยายตัวอยู่ทั่วโลก เพื่อรักษาฐานการผลิตที่สำคัญของโลกและพัฒนาสินค้าที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน” นายสุริยะ กล่าวปิดท้าย
ส่วนนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคและต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล
👉🏻 1) การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้การซื้อของและการทำธุรกรรมทางการเงินมาอยู่บนสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายทำให้เกิดเศรษฐกิจเชิงแบ่งปันโดยไม่ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งผู้ขายสามารถขายสินค้ากับผู้ซื้อได้โดยตรง
👉🏻 2) ห่วงโซ่การผลิต เมื่อระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์สามารถทำงานแทนคนได้เกือบทั้งหมด ทำให้หลายธุรกิจซึ่งเดิมกระจายขั้นตอนการผลิตไปหลายๆ ที่ทั่วโลกย้ายกลับมาผลิตในภูมิภาคมากขึ้น หรือดึงขั้นตอนการผลิตกลับไปผลิตภายในประเทศปลายทางเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่
👉🏻 3) สิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชากรโลก โดยคาดว่าในอนาคตน้ำสะอาดจะเป็นสิ่งที่ขาดแคลน ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชากรโลก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานในการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น
👉🏻 4) แรงงาน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคตอีก 15-20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นและคนวัยทำงานน้อยลง ส่งผลต่อโครงสร้างแรงงานที่เปลี่ยนไปทำให้การทำธุรกิจในรูปแบบเดิมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากอาจไม่เหมาะสม ภาคธุรกิจจึงต้องปรับรูปแบบการผลิตจากการเน้นความได้เปรียบจากต้นทุนค่าแรงหรือใช้แรงงานจำนวนมากเปลี่ยนเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม นายทองชัย กล่าวปิดท้าย
[เพิ่มเติม] ⭐️ เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!”
สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD
You must be logged in to post a comment.