HomeOn Radarsคลังแจงประเด็น ‘ช้อปดีมีคืน’ หลังมีข้อวิจารณ์

คลังแจงประเด็น ‘ช้อปดีมีคืน’ หลังมีข้อวิจารณ์

คลังชี้แจงประเด็น ข้อวิจารณ์โครงการช้อปดีมีคืน หลังนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI แสดงความเห็นต่อ “โครงการช้อปดีมีคืน” ว่าเป็นการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจไม่ตรงจุดและขณะนี้ประชาชนไม่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อเอาภาษีคืน ดังนั้นผลประโยชน์จึงตกอยู่กับกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งทำให้เห็นภาพความเหลื่อมล้ำชัดเจนมากขึ้น เพราะกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ต้องมีรายได้ 300,000 ขึ้นไป และศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินว่าโครงการดังกล่าว ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษี ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใด

ล่าสุด กระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่าถึงการอ้างถึงดังกล่าว ระบุมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เป็น 1 ใน 3 มาตรการเพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ นอกเหนือจาก โครงการคนละครึ่งและโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะครอบคลุมประชาชนทุกภาคส่วนกว่า 28 ล้านคน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 192,000 ล้านบาท และคาดว่า GDP เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 0.54

โดยมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภค ในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนผู้ที่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่าน อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

เน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในระบบภาษี ไม่มีข้อกำหนดใดๆ ในเรื่องขนาด ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกรายล้วนแล้วอยู่ในข่ายที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการทั้งสิ้น

ส่วน “โครงการคนละครึ่ง”ซึ่งเป็นอีกโครงการภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดูแลช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 226,161 ร้าน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2563)

“โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาท/คน/เดือน 3 เดือน (ต.ค. – ธ.ค. 63) ซึ่งกระทรวงการคลังได้ทำการโอนเงินงวดแรกแล้วเมื่อวัน 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงการดูแลประชาชนทุกคนให้โดยความสำคัญแก่ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน กระทรวงการคลังจะมีการติดตามทุกมาตรการ/โครงการอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ขอให้ติดตามรายละเอียดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ภายหลังผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป

[เพิ่มเติม] ⭐️ เปิดบัญชีเทรดผ่าน StockRadars กับหลักทรัพย์ กรุงศรี วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีขั้นต่ำ ง่าย อนุมัติเร็ว และ ยังได้ใช้ StockRadars “ฟรีทุกฟีเจอร์ !!”

สมัครเลยที่ 👉🏻 https://bit.ly/33AyotD