ในไตรมาส 2/2563 บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลง และมีปริมาณการขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปลดลงจากไตรมาสก่อน โดยกำไรขั้นต้นจากการผลิตไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 2.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจาก Crude Premium ที่ปรับตัวลดลงมากจากสงครามราคาน้ำมันของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบดูไบ ยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลลดลง
EBITDA อยู่ที่ 2,881 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน EBITDA 12,248 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ EBITDA ในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 2,072 ล้านบาท
และในไตรมาสนี้ มีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน 389 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,045 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าจากสิ้นไตรมาสก่อน ทำให้สรุป Q2/2563 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 2,480 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 13,754 ล้านบาทในไตรมาส 1/2563 และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2562 ที่ 567 ล้านบาท
ในส่วนของอัตราการผลิตสารอะโรเมติกส์ลดลงมาอยู่ที่ 75% โดย TPX มีรายได้จากการขาย 5,933 ล้านบาท ลดลง 2,705 ล้านบาท Product-to-feed Margin 77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลง 8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์และส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์กับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ และอุปสงค์ของสารอะโรเมติกส์ที่ชะลอตัว ตามการระบาดของโควิด-19
You must be logged in to post a comment.