HomeOn Radarsศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดปี 63 E-Commerce โตแต่ชะลอ 8-10%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดปี 63 E-Commerce โตแต่ชะลอ 8-10%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยมุมมองการตลาดออนไลน์ในยุค New Normal แข่งขันรุนแรงขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนตัวลง ส่งผลให้คาดว่าในปี 63 ธุรกิจ E-Commerce เติบโตแต่ชะลอลง 8-10%

โดยระบุว่า ด้วยผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคเกิดการปรับตัวมาซื้อสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้นในช่วงที่มีการกักตัวหรืองานอยู่ที่บ้าน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการค้าปลีกต่างก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อหาช่องทางสร้างรายได้ ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการออกไปใช้จ่ายนอกบ้านและความกังวลในเรื่องของสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์มีการขยายตัวสูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงและยากลำบากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ E-Market place ต่างชาติ ซึ่งเน้นจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าไม่จำเป็น เช่น สินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ไอที ของใช้ในครัวเรือน ต้องเผชิญความท้าทายและแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแรงและไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มสินค้า Non-food กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสินค้าเฉพาะที่มีเว็บไซต์หรือแบรนด์ของตนเอง อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับกลุ่ม Modern trade และ Social commerce ที่โหมเจาะตลาดสินค้ากลุ่มอาหารและอุปโภคบริโภค

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หลังวิกฤตโควิด-19 บทบาทของ E-Market place ต่างชาติ ในตลาดรวมของ E-Commerce ไทยน่าจะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มีความได้เปรียบและมีบทบาทมาก ในระยะข้างหน้าต้องเผชิญการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงจากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น และยังต้องทำการอัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มของตนเอง จึงคาดว่าผลประกอบการจะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง 30-40% ต่อปี และถือเป็นการขาดทุนมาโดยตลอดเฉลี่ย 46% ต่อปี นับตั้งแต่ปีที่ผู้ประกอบการ E-Market place กลุ่มดังกล่าวเริ่มเข้ามาลงทุนแพลตฟอร์มและทำตลาดค้าปลีกออนไลน์ในไทย

แม้ว่าโควิด-19 จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์ให้โตขึ้นจากการเข้าสู่สภาวะ New normal แต่อีกส่วนหนึ่งก็กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัว จึงทำให้ผู้บริโภคยังคงมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและประหยัด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินว่า ตลาดค้าปลีกออนไลน์ B2C E-Commerce(เฉพาะสินค้า) ในปี 2563 จะยังคงขยายตัวราว 8-10% แต่ก็เป็นอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ขยายตัวราว 20% โดยกลุ่มสินค้าอาหารและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน น่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างกลุ่มแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า น่าจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่อ่อนแรง และคงใช้เวลาในการฟื้นตัวที่นานกว่า