ธุรกิจโรงแรมและอาหารเครือ CENTEL โดนวิกฤตโควิด-19 เล่นงาน ทำบทสรุป Q1/63 บริษัทขาดทุน 105.5%

แค่ไตรมาสเดียว CENTEL ขาดทุนแล้ว 45.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น -105.5% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ในเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยลดลง 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือจำนวนทั้งสิ้น 6.7 ล้านคน โดยหลักเป็นชาวเอเชียที่ลดลง 45% และในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวจีน ลดลงถึง 60%

นั่นทำให้สร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

โดยผลดำเนินงานรอบ 3 เดือนแรกในปีนี้ (Q/2563) ของบริษัท โรงแรมเซ็ลทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) สรุปออกมาเป็นขาดทุนสุทธิ 45.1 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่บริษัททำกำไรได้ 825.9 ล้านบาท

คิดเป็นกำไรลดลง 105.5%

ซึ่งรายได้ในธุรกิจกลุ่มโรงแรมลดลง 34.8% โดยบริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 77 โรงแรม (16,737 ห้อง) เป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 42 โรงแรม และกำลังพัฒนาอยู่ 35 โรงแรม

– รายได้ธุรกิจโรงแรมรวมอยู่ที่ 1,796.8 ล้านบาท ลดลง 958.8 ล้านบาท (-34.8%)
– รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยทั้งหมด ลดลง 33.1% อยู่ที่ 3,089 บาท
– ราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง 4.6% เทียบปีก่อน

ส่วนรายได้ในธุรกิจอาหารลดลง 2.9% เป็นการได้รับผลกระทบในเดือนมีนาคมเป็นหลัก เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในการไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และจากการประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาล ทำให้สถานประกอบการหลายประเภทต้องปิดบริการลง

ซึ่งตรงนี้ทำให้ยอดขายในส่วนรับประทานภายในร้าน (dine-in) ลดลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับแบรนด์ญี่ปุ่น และไทย

ทำให้ทางบริษัทต้องปรับมาให้บริการในรูปแบบซื้อกลับบ้าน (takeaway) และ delivery เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถมาทดแทนรายได้ในส่วนรับประทานอาหารในร้านที่หายไปได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ โดยสรุปรายได้ธุรกิจในกลุ่มธุรกิจอาหารรวม 2,804.4 ล้านบาท ลดลง 83 ล้านบาท (-2.9%) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

– รายได้ที่ลดลงมาจากการลดลงของอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-store-sales: SSS) 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
– มีสาขาร้านที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 1,060 สาขา เพิ่มขึ้น 57 สาขา
– กำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารอยู่ที่ 1,526.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทได้ระบุว่ายังพยายามอย่างต่อเนื่องในการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้เลื่อนแผนการลงทุนไปเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม

แม้ว่าปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับสถานการณ์ในหลายประเทศยังอยู่ในขั้นวิกฤต ทำให้สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจโลก จนหลายประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกลดลง การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจึงอาจใช้เวลานานกว่าวิกฤตในอดีตที่ผ่านมา