HomeOn RadarsMINT แจ้งผลกระทบและแผนรับมือฝ่าวิกฤต Covid-19

MINT แจ้งผลกระทบและแผนรับมือฝ่าวิกฤต Covid-19

วันนี้ (23 มี.ค. 63) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง “การแจ้งผลกระทบสถานการณ์โรค COVID-19” โดย MINT แจ้งถึงผลกระทบที่ได้รับ สืบเนื่องจากคำสั่งของกทม. ในการปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค COVID-19 สูง รวมถึงมาตรการปิดประเทศ (Lock Down) ในหลายประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ด้วย

โดยทางบริษัทยืนยันว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไร จึงมีการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในทุกหน่วยธุรกิจและหน่วยงานสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงมั่นใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และมั่นใจว่าความต้องการจะกลับมาเพิ่มขึ้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง

MINT ได้อัพเดทสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งในและต่างประเทศไว้ด้วย

ธุรกิจไมเนอร์ โฮเทลส์

  • ประเทศไทย: บริษัทได้เริ่มปิดโรงแรมในกรุงเทพฯ แล้วรวมทั้งเริ่มมีการเตรียมความพร้อมในการปิดโรงแรมในต่างจังหวัด เพื่อช่วยหยุดการระบาดของโรคและช่วยป้องกันสุขภาพของแขกผู้เข้าพักในโรงแรมและพนักงาน รวมถึงเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยมาตรการระยะสั้นนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว
  • มหาสมุทรอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน: โรงแรมทั้งหมดยังเปิดให้บริการอยู่ ยกเว้นโรงแรมอนันตรา เดซารูในประเทศมาเลเซีย และได้มีการรวมการดำเนินงานของโรงแรมอนันตรา คาลูทารา และอวานี คาลูทาราในประเทศศรีลังกาเป็นการชั่วคราว เพื่อลดต้นทุน
  • ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: โรงแรมทั้งหมดยังเปิดให้บริการตามปกติ
  • ตะวันออกกลาง: โรงแรมทั้งหมดอยู่ภายใต้สัญญารับจ้างบริหาร โดยรัฐบาลของประเทศหลักๆในภูมิภาคได้มีการตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ
  • ทวีปแอฟริกา: โรงแรมส่วนใหญ่ยังเปิดให้บริการอยู่
  • ทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา: เพื่อลดต้นทุนและรักษาสภาพคล่องท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทางบริษัทได้มีการปิดโรงแรมให้มากที่สุด โดยโรงแรมในประเทศอิตาลีและสเปนได้ถูกปิดทั้งหมด ยกเว้น 6 แห่งในบางเมือง ได้ถูกแปลงเป็นโรงพยาบาล และสถานที่รับรองบุคลากรทางการแพทย์

ธุรกิจไมเนอร์ ฟู้ด

  • ประเทศไทย: ตามประกาศของกทม. บริษัทได้ปิดร้านอาหารแบบนั่งเต็มรูปแบบ และร้านขณะที่ร้านที่เปิดให้บริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้าน (สัดส่วน 60% ของร้านทั้งหมดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ยังเปิดให้บริการอยู่ ส่วนร้านในต่างจังหวัด แบบนั่งทานแล้วจัดส่งยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่อยู่บ้านและทำงานที่บ้าน ไมเนอร์ ฟู้ด ได้เสริมสร้างขีดความสามารถในการบริการจัดส่งอาหาร เพื่อเพิ่มยอดขายด้วย

  • ประเทศจีน: ภายหลังจากที่บริษัทได้ปิดร้านอาหารส่วนใหญ่เกือบ 100 สาขาในจีนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และได้ทำการเปิดสาขาใหญ่อีกครั้ง จำนวนกว่า 90% ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

ปัจจุบันยอดขายในจีน ได้ปรับตัวดีขึ้นในทุกๆสัปดาห์

ออสเตรเลีย: ร้านเดอะ คอฟฟี่ คลับได้รับผลกระทบจากรัฐบาลสั่งปิดร้านอาหารและร้านกาแฟ แต่ร้านอาหารกว่า 2 ใน 3 (จากทั้งหมด 287 สาขา) มีบริการจัดส่งและนำกลับบ้าน

นิวซีแลนด์: ร้านอาหารได้ดำเนินการปิดแล้ว

ธุรกิจไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์

จากจุดจำหน่ายสินค้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้ปิดให้บริการ ทางบริษัทได้ย้ายพนักงานไปทำงานที่สาขานอกกรุงเทพฯ อีกทั้งจะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นช่องทางออนไลน์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือและน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ มากยิ่งขึ้น

และที่สำคัญบริษัทได้ทำแผนการฉุกเฉิน และมาตรการลดต้นทุนอย่างเข้มงวด

เช่นการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และควบคุมรายจ่าย รวมทั้งได้เจรจาในการหยุดการจ่ายค่าเช่าอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนกระแสเงินสดและงบดุล บริษัทได้ชี้แจงว่า

ณ สิ้นปี 2562

1. บริษัทมีเงินสดอยู่ 13,000 ล้านบาท

2. มีวงเงินสินเชื่อจำนวน 38,000 ล้านบาท

3. วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป อีก 250 ล้านยูโร

4. อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 1.3 เท่า