อนุทินจ่อเสนอยกเลิก Visa on Arrival นทท.จีน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (31 ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคอุบัติใหม่แห่งชาติ จะเสนอให้พิจารณายกเลิก Visa on Arrival (VoA) เพื่อจำกัดนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยให้มากที่สุด ส่วนนักท่องเที่ยวที่ขอ VoA ล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ อาจจะต้องมีใบรับรองแพทย์แนบมาด้วย เพื่อสร้างความอุ่นใจและสบายใจให้กับคนไทย
ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไวรัสโคโรนาส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก จึงต่องเร่งออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด
ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้จะลดลง 2.8 ล้านคน หรือ 7% ในปีนี้ คิดเป็นรายได้ที่สูญเสียไปราว 140,000 ล้านบาท และประเมินว่าผลกระทบโดยตรงจากมาตรการระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนจะทำให้อัตราการเติบโตของ GDP ปีนี้ลดลงอย่างน้อย 0.3%
อย่างไรก็ตาม วันนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,523.99 จุด ลดลง 0.60 จุด หรือ 0.04% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 53,752.96 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย จากราคาทองที่พุ่งสูงขึ้น
บาทอ่อนรอบ 7 เดือน หนุนทองพุ่งสูงสุดรอบเกือบ 7 ปี
เมื่อเวลา 14.00 น. ค่าเงินบาทแตะระดับ 31.247 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าอ่อนค่าที่สุดในรอบ 7 เดือน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการอ่อนตัวของค่าเงินบาทสอดคล้องกับทิศทางการอ่อนค่าของเงินสกุลอื่นในภูมิภาคเอเชีย ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และสัญญาณขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมีผลต่อค่าเงินบาทเช่นกัน ซึ่งธนาคารกรุงไทยมองว่าสถานการณ์นี้จะส่งผลให้ทั่วโลกคงสถานะขายค่าเงินบาท เพราะเชื่อว่าเป็นสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวมากที่สุดในเอเชีย และน่าจะมีปัญหาจากนโยบายการคลังติดขัด จึงเป็นเศรษฐกิจและสกุลเงินที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในช่วงนี้
ขณะที่สมาคมค้าทองคำรายงานว่าทองคำในประเทศปรับชึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ประกอบกับแผนงบประมาณที่ล่าช้าออกไป จนอาจกระตุ้นกนง.ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ธปท.วอนสถาบันการเงินช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตไวรัสโคโรนา-ฟากแบงก์ทยอยออกมาตรการ
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจึงขอความร่วมมือสถาบันทางการเงินและผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อ พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่ ด้านเงินทุนและสภาพคล่องแก่ลูกหนี้เพื่อให้ประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เช่น ให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม ลดหรือยกเว้นดอกเบี้ย/ค่าธรรมเนียม ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของยอดคงค้าง รวมทั้งผ่อนผันเพดานวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 63
อย่างไรก็ดี บางธนาคารเริ่มออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่วานนี้ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และวันนี้มีหลายแบงก์ออกมาตรการเรื่องนี้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นพุ่งทะลุเกือบ 8 พันราย – ตาย 170 รายแล้ว
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่า ยอดผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีการยืนยันผลการตรวจแล้ว 7,711 ราย และมีผู้เสียชีวิต 170 ราย
ส่วนนอกประเทศจีนมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทย 14 ราย, ญี่ปุ่น 11 ราย, ฮ่องกงและสิงคโปร์ 10 ราย, ไต้หวัน 8 ราย, มาเก๊า มาเลเซียและออสเตรเลีย 7 ราย, สหรัฐและเกาหลีใต้ 6 ราย, ฝรั่งเศส เยอรมนี และ UAE 4 ราย, แคนาดา 3 ราย, เวียดนาม 2 ราย รวมถึงศรีลังกา กัมพูชา เนปาล และฟินแลนด์ประเทศละ 1 ราย รวมทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้ว 7,816 ราย และผู้เสียชีวิต 170 รายแล้ว
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกประชุมฉุกเฉินในวันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์และตัดสินใจว่าไรรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลกหรือไม่ หากที่ประชุมลงมติว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลกจะเป็นการเปิดทางให้ WHO สามารถร่วมงานกับรัฐบาลทั่วโลก เพื่อหาทางรับมือและควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่