ศึกการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้ กลายเป็นความเสี่ยงใหญ่สุดฉุดเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยด้วย
ล่าสุดในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ นอกจากกนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 1.50% แล้ว ยังประกาศหั่นเป้าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ลงไปอยู่ที่ 2.8% สำหรับปีนี้ ลดลง 0.5% จากประมาณการเดิม และคาดว่าจะโต 3.3% ในปี 2563 ลดลง 0.4% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่หดตัวลงมากกว่าคาด
ขณะที่แบงก์พาณิชย์หลายแห่งของไทยต่างปรับลดเป้าการขยายตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เตรียมหั่นเป้าจีดีพีไทยปีนี้ เหลือ 2.7-2.9% จากเดิมคาดเติบโต 3.1% ก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาลดเป้าจีดีพีไทยปีนี้ เหลือ 2.9% จากเดิม 3.2% ซึ่งเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 เช่นเดียวกับสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ ลงเหลือ 2.8% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3.3%
ด้านฝั่งสถาบันการเงินต่างชาตินั้น ในช่วงเช้าวันนี้ก่อนทราบผลการประชุมกนง. ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงทั้งสำหรับปีนี้และปีหน้า โดยปี 2562 คาดว่าไทยจะขยายตัว 3.0% ลดลง 0.9% จากคาดการณ์เดือนเม.ย.ที่ 3.9% และปี 2563 มองว่าจะเติบโตที่ 3.2% ลดลง 0.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้า
ส่งออกทรุดหนัก
การส่งออกที่อ่อนแรงลงเป็นปัจจัยหลักฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงสงครามการค้าจีน-สหรัฐ โดยกนง.คาดการณ์ว่าส่งออกไทยปีนี้ จะติดลบ 1% จากคาดการณ์เดิมที่ 0% ส่วนปี 2563 คาดว่าส่งออกจะขยายตัว 1.7% ลดลงจากที่เคยประเมินว่าจะโตที่ 4.3% ส่วนการนำเข้าในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว -3.6% จากคาดการณ์เดิม -0.3% และในปี 2563 คาดว่านำเข้าจะขยายตัว 3.5% จากคาดการณ์เดิม 4.8%
ด้าน ADB มองว่าตัวเลขการส่งออกของไทยปีนี้มีแนวโน้มหดตัวลง 1.5% มาอยู่ที่ 3.5% ส่วนในปี 2563 คาดว่าจะโตเพียง 3% เพราะดีมานด์นอกประเทศยังอ่อนแอ
ท่องเที่ยวเริ่มอ่อนแรง
สำหรับภาคการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของจีดีพีไทยนั้น ทางกนง.มองว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ ลงมาอยู่ที่ 39.7 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 39.9 ล้านคน ส่วนในปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะอยู่ที่ 41.2 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 41.3 ล้านคน
ส่วน ADB มองว่ามาตรการ “ชิมช้อปใช้” ของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยให้ลงทะเบียนรับเงิน 1,000 บาทสำหรับซื้อสินค้า และสามารถขอเงินคืน 15% ได้ หากใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวเกิน 30,000 บาทนั้น สามารถช่วยชดเชยผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงได้
ขณะที่ภาคบริการในภาพรวมนั้น ADB คาดว่าจะเติบโตที่ 4% สำหรับทั้งในปีนี้และปีหน้า ส่วนภาคการผลิตคาดว่าจะยังโตอ่อนแรงเพราะได้รับแรงกดดันจากดีมานด์ทั่วโลกซบเซา
หวั่นลงทุนแผ่วลง
แนวโน้มเศรษฐกิจโตชะลอทั่วโลก ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของเอกชน โดยกนง.มองว่า การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่่ากว่าคาด แต่การย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในระยะต่อไป
ด้าน ADB มองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มีแนวโน้มทำให้เอกชนลดการลงทุนลง ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากการเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
You must be logged in to post a comment.