วันนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาให้นักลงทุนได้รู้จักคือ การออก “ใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (DW) อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็ง (HSI)” จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก และยังเป็น DW ที่อ้างอิงดัชนีต่างประเทศตัวแรกของไทย ซึ่งออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แมคควอรี (ประเทศไทย)
- “นพดล ดวงทิพย์เนตร” ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.แมคควอรี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ถือเป็นโอกาสเหมาะสมและจังหวะดี สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศฮ่องกงที่มีการชุมนุมประท้วงในขณะนี้ ประกอบกับอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าสหรัฐกับจีน และความผันผวนของค่าเงิน เนื่องจากการเทรด DW เหมาะในการซื้อขายช่วงภาวะที่มีค่าความผันผวนและมีสภาพคล่องที่สูง ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตอนนี้ต้องยกให้กับตลาดหุ้นฮั่งเส็งเป็นอันดับหนึ่ง
- ผลตอบรับ จากตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มีการออก DW อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็งมาแล้ว และปัจจุบันมูลค่าการซื้อขาย DW อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็งคิดเป็น 90 % ของมูลค่าการซื้อขายของ DW ทั้งหมดของตลาดหุ้นสิงคโปร์ เหตุที่ได้รับการตอบรับดีเพราะปกติตลาดหุ้นสิงคโปร์ค่อนข้างมีความเคลื่อนไหวที่นิ่ง ขณะที่ตลาดหุ้นมาเลเซียคิดเป็น 70 % ของสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW ทั้งหมด
- ข้อสนับสนุน ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศได้ จากเดิมที่ต้องมีจำนวนเงินที่มากเป็นหลักล้านบาทในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่การลงทุน DW อ้างอิงตลาดหุ้นต่างประเทศนี้ใช้เงินเพียงจำนวนหลักที่น้อยกว่าและก็สามารถลงทุนได้ อีกทั้งยังสามารถบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนทั้งฝั่ง Call และ Put ได้ โดยไม่ต้องกังวลความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพราะซื้อขายได้เลยจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอยู่เดิมในรูปของเงินบาท และเป็นการอ้างอิงในดัชนี HSI บริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสุด 50 บริษัทแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทโกลบอลแบนด์ เช่น ธนาคาร HSBC AIA หรือ Tencent
- กลุ่มเป้าหมาย นักลงทุนที่มีความเข้าใจในเรื่องการลงทุน DW อยู่แล้ว เนื่องจากจะมีความเข้าใจในการลงทุนที่มักจะดูปัจจัยทางเทคนิค เส้นกราฟ และข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสภาพสังคม การเมืองและเศรษฐกิจของฮ่องกง
- ข้อจำกัด ปัจจุบันการอ้างอิงดัชนีฮั่งเส็งจะเทรดตรงกันกับตลาดหุ้นไทยมีช่วงเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง – 3ชั่วโมง อีกทั้งตอนนี้บริษัทยังไม่ได้มีบทวิเคราะห์ออกมาเพื่อการลงทุน DW อ้างอิงตลาดหุ้น HSI เนื่องจากยังดูเรื่องใบอนุญาตของบุคลากรที่จะสามารถเขียนบทวิเคราะห์ได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนควรต้องมีพื้นฐานเรื่อง DW แล้ว ควรดูปัจจัยทางเทคนิค และติดตามข่าวสารต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ก็คาดว่าจะเริ่มมีบทวิเคราะห์ออกมาให้นักลงทุนได้ภายในปีนี้
- อนาคต มีโอกาสออกผลิตภัณฑ์ DW อ้างอิงดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้มีสภาพคล่อง มีความผันผวน และล้วนเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของโลก ตั้งแต่ดัชนีนิกเกอิของประเทศญี่ปุ่น ดัชนี S&P ของตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้น A-share ของประเทศจีน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุนเป็นหลัก
- ออกมา 4 รุ่น แบ่งเป็นฝั่ง Call DW ภายใต้ชื่อ HSI28C1910A ถึงรุ่น D และฝั่ง Put DW ชื่อ HSI28P1910A ถึงรุ่น D ซึ่งมีราคาใช้สิทธิอยู่ระหว่าง 23,800-29,400 จุด
- ปัจจุบัน ตลท. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน DW ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดย 7 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขาย DW รวมในตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยนต่อวัน 5,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคิดเป็นสัดส่วน 11% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาดหลักทรัพย์ สำหรับสินค้า DW ที่ออกใหม่มีประมาณ 2,197 ตัว เพิ่มขึ้น 39%
- ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นไทยมีสินค้าอ้างอิงดัชนีตลาดต่างประเทศตั้งแต่ ETF อ้างอิงหุ้นจีน และ DR ประเทศเวียดนาม แต่เป็นผลิตภัณฑ์ DW เพิ่งมีครั้งแรก
You must be logged in to post a comment.