บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แถลงข่าวผลประกอบการยอดขายไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.09 แสนล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 3% จากไตรมาส 1 และครึ่งปีแรกยอดขายอยู่ที่ 2.21 แสนล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2 ทำได้ 7,043 ล้านบาท ลดลงถึง 43.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 18,706 ล้านบาท ลดลง 24.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ผลประกอบไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2562 ของบริษัทลดลงทั้งในส่วนยอดขายและกำไร สาเหตุมาจากหลายปัจจัยตั้งแต่เศรษฐกิจโลกมีการชะลอซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทำให้ราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับลดลงถึง 20% ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และการที่บริษัทต้องเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานสำรองคนที่เกษียณอายุ
ลดเป้ายอดขาย ประเมินยอดขายปี 2562 จะลดลง 9-10% เป็นการลดเป้าจากเมื่อต้นปีได้คาดว่ายอดขายปีนี้น่าจะเติบโตจากปีก่อนได้ 5-10 % แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนต่อการดำเนินงาน ขณะที่ปริมาณการขายสินค้าครึ่งปีแรกก็คงที่ ทำให้มองว่าครึ่งปีหลังการดำเนินธุรกิจยังต้องเผชิญความท้าทายต่อไป อีกทั้งในครึ่งปีหลังธุรกิจปิโตรเคมียังมีรายใหม่เพิ่งเข้ามาอีก (ซัพพลาย) ประกอบกับรอบของธุรกิจปิโตรคมี 6-7 ปี แล้วก็เป็นขาขึ้นมาสักพัก ทำให้มองว่าช่วง 1-2 ปีนี้ต้องรอให้ดีมานด์กับซัพพลายปรับตัวสมดุลกัน
ทิศทางธุรกิจซีเมนต์ ในประเทศทั้งปีคาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ 3-4 % จากครึ่งปีแรกที่โต 3% เนื่องจากเป็นผลที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากโคงการภาครัฐ แต่สำหรับตลาดซีเมนต์สำหรับที่อยู่อาศัยคาดว่าจะยังคงต้องใช้ระยะเวลา 1-2 ปีจึงจะเห็นการขยายตัว ซึ่งทำให้มีผลต่อตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศที่ยังอยู่ระดับทรงตัว ท่ามกลางตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่ตลาดซีเมนต์ในอาเซียน ยังเห็นการเติบโตทั้งในกัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม แต่ที่อินโดนีเซีย ชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ปัจจัยลบ อันดับแรกยังเป็นสงครามการค้าสหรัฐกับจีนที่ไม่รู้จะกลับมีประเด็นอีกเมื่อไร ขณะที่น้ำหนักเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐกับอิหร่านก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะจะถือเป็นความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจระดับโลกขึ้นไปอีก
ปรับกลยุทธ์ ตอนนี้ SCC ต้องทำให้ตัวเบาที่สุด การคำนึงถึงการสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่ต้องมีการบริหารจัดการสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีกระแสเงินสดภายใต้การบริหารอยู่ที่ 42,573 ล้านบาท ที่สำคัญ SCC ได้ทบทวนแผนโครงการลงทุนปีนี้ ลดลงจาก 85,000 ล้านบาท เป็น 70,000-75,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้เงินลงทุนไปแล้ว 39,000 ล้านบาท และหนึ่งในนั้นคือการซื้อหุ้น 55% Fajar ผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซียกว่า 20,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 ซึ่ง Fajar มียอดขายราว 20,190 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 3,100 ล้านบาท
“นอกจากชะลอพัฒนาโครงการใหม่เพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมา แต่ยังเดินหน้าซื้อกิจการที่ดีและสร้างผลตอบแทนกลับมาได้รวดเร็วต่อเนื่อง เพราะจะทำให้ช่วยสร้างกระแสเงินสด และสามารถรับรู้กำไรได้ทันที บริษัทยังเน้นโฟกัสที่ในการลงทุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหลายอย่างเพื่อสร้างผลตอบแทนคืนกลับมาให้บริษัทได้ตรงจุดมากที่สุด เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงาน อย่างการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโรงงาน ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 77 เมกะวัตต์ (MW) ทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าจากภายนอก ช่วยประหยัดได้ 350 ล้านบาท/ปี หรือการเพิ่มโอกาสแม้สงครามการค้าจะมีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อการดำเนินงานอยู่ แต่ SCC ได้ขยายตลาดไปยุโรปและสหรัฐมากขึ้น ขณะที่ตลาดในจีนชะลอตัวลง ก็จะหันไปขยายตลาดอาเซียนที่ยังเติบโต”
โครงการลงทุนสำคัญที่เดินหน้าต่อ โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม ที่ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 15-16% ก็จะเร่งให้แล้วเสร็จตามแผนในปี 2566 การขยายกำลังการผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ในไทย จะแล้วเสร็จในปี 2564 และการขยายโรงงานกระดาษในฟิลิปปินส์
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก “พงศธร ทวีสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมในครึ่งปีแรก จำนวน 3,001 ล้านดอลลาร์สรหัฐ(เทียบเท่า) เพิ่มขึ้น 17 % จาก 2,562 ล้านดอลลาร์สหรัญ (เทียบเท่า 81,343 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.26 แสนบาร์เรลต่อวัน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 2.97 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในแหล่งบงกช

You must be logged in to post a comment.