HomeUncategorizedILM ชูความเป็นแบรนด์&บริหารต้นทุนสู้คู่แข่ง

ILM ชูความเป็นแบรนด์&บริหารต้นทุนสู้คู่แข่ง

วันนี้ (26 ก.ค.)นี้ หุ้นไอพีโอน้องใหม่ตัวที่ 13  ของปี 2562 คือ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) กำลังจะนำหุ้นจำนวน 105 ล้านหุ้น เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เป็นวันแรก จากราคาหุ้นไอพีโอที่เสนอขาย 22 บาท ทำให้มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 2,310 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่ 11,110 ล้านบาท

  • ที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบันสูงถึง 66.7 % ที่เหลือไว้เป็นสัดส่วนของผู้ลงทุนรายบุคคล ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ทั้งจากครอบครัวปัทมสัตยาสนธิและครอบครัอุดมมหันติสุข จะนำหุ้นทั้งสิ้นประมาณ 395 ล้านหุ้น หรือ 78% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดฝากไว้กับศูนย์หลักทรัพย์ (ประเทศไทย) และ บล.บัวหลวงเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่หุ้นซื้อขายวันแรก เพราะมองว่าน่าจะช่วยสร้างความเขื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนเป็นอย่างดี
  • ราคาไอพีโอที่ 22 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่สูงสุดจากการสำรวจความต้องการหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) คิดเป็นอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ที่ 22 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือน ย้อนหลัง (มิ.ย.2561-มี.ค.2562) อยู่ที่ 503.6 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นหลังขายไอพีโอทั้งหมดที่ 505 ล้านหุ้น ILM มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 5 บาท
  • วัตถุประสงค์การระดมทุน ที่ 2,310 ล้านบาท หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วแบ่งเป็น 1.ส่วนใหญ่นำไปชำระหนี้เงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวกับสถาบันการเงิน 1,650-1,700 ล้านบาท และคืนเงินกู้ระยะสั้นสำหรับจ่ายเงินปันผลให้ธนาคารกรุงเทพ 1,200 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี (2562-2563) 2.ขยายสาขา (ขยายร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก โครงการติดตั้งแผลโวลาร์ลูฟท็อป) ในช่วงปี 2562-2564 ประมาณ 450-530 ล้านบาท และ 3. เงินทุนหมุนเวียน 14.4-144.4 ปี 2562-2563  สิ้นไตรมาส 1 ILM มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 2.4 เท่า
  • ผลประกอบการ ปี 2559-2561 กำไรสุทธิ 490 ล้านบาท 497 ล้านบาท และ 431 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ 5.2% 5.2% และ 4.4 % ตามลำดับ  กำไรปี 2561 ลดลงเพราะมีการรับรู้การขาดทุยและมีค่าใช้จ่ายหลังหยุดดำเนินการ ILM ที่มาเลเสียถึง 161.5 ล้านบาท ซึ่งทางผู้บริหารบอกชัดแล้วว่าจากนี้จะไม่มีการไปตั้งสาขาสแตอโลนของ ILM ในต่างประเทศแล้ว จะเหลือเพียงแต่เป็นแฟรนส์ไชส์ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 17 ร้านค้า ใน 7 ประเทศ
  • โดยล่าสุดไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท ลดลง 23 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 171 ล้านบาท เช่นเดียวกันอัตรากำไรสุทธิที่ลดลงเหลือ 5.4%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 6.25% เพราะรับรู้รายได้ปิดสาขาจากมาเลเซีย และการ
  • เทียบกับหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันใน SET  มีทั้งหมด 3 บริษัท คือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) P/E อยู่ที่ 39.5 เท่า บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์(GLOBAL) P/E 36.7 เท่า และบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป(MODERN) P/E อยู่ที่ 18.1 เท่า
  • ชู 3 จุดแข็ง มาประชันทางเลือกนักลงทุนจาก 3 บริษัทที่อยู่ใน SET คือ นำความเป็นแบรนด์แข็งแกร่งของธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ยาวนานกว่า 25 ปี ที่สำคัญยังสามารถจัดหาสินค้าให้กับลูกค้าได้ทุกระดับ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นเจ้าของตั้งแต่โรงงานการผลิตไปถึงช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรมและการออกแบบมาตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้ทุกระดับ เพราะเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2560 ได้เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดรูปแบบใหม่ Younique ที่ลูกค้าสามารถปรับแต่งดีไซน์เองได้ ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาในการวัดพื้นที่และติดตั้งเสร็จภายใน 1 เดือน และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีมาตลอดระยะเวลา 2 ปีนี้
  • สัดส่วนรายได้ ปัจจุบัน 77 % มาจากร้านค้าปลีกเป็นหลักแต่พยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้ในการบุกตลาดงานโครงการที่มีสัดส่วน 12.3% รายได้จากพื้นที่เช่า ที่ 4.3% และในอนาคตพร้อมในส่วนงานของ Younique ที่นำนวัตกรรมมาใช้
  • กลยุทธ์ฝ่ากำลังซื้อที่ซบ “กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ” กรรมการผู้จัดการ ILM  เคยได้เปิดเผยตอนแถลงข่าวเสนอขายไอพีโอว่า  ต้องยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่ได้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวกำลังซื้อหรือเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งก็อาจใช้นโยบายเดียวกับปี 2561 ที่ต้องงัดกลยุทธ์ทางด้านราคาและวางสินค้าแบบ Product Mix จึงทำให้ยอดขายการเติบโตของสาขาเดิม (SSSG) เติบโตได้ 3.3 % แต่ของปี 2562 SSSG ยังไม่มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ารัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อออกมา
  • บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า หากราคาเปิดใกล้เคียงกับราคาเสนอขายหรือต่ำกว่า สามารถเก็งกำไรได้ ประเมินราคาเป้าหมายเบื้องต้นที่ 24-28.20 บาท เทียบระดับ P/E ที่ 23-27 เท่า ซึ่งเป็น Discount จาก HMPRO และ GLOBAL ที่ P/E อยู่ที่ 35-36 เท่า โดยคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ทรงตัวจากปีก่อน
  • ราคาหุ้น ILM ปิดที่ 22.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.09 % จากราคาไอพีโออยู่ที่ 22 บาท