วันที่ 24 ก.ค. บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) ติด Trading Alert และตลท.ให้เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับซื้อขายด้วยเงินสด
- เช้าวันที่ 25 “เอกพล พงศ์สถาพร” กรรมการผู้จัดการ TIPCO ได้แจ้ง ตลท. หลังราคาหุ้นวานนี้พุ่งแรงกว่า 18.51 % โดยมีรายละเอียดทั้งหมด 3 ข้อ คือ 1. บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผย หรือสารสนเทศที่มีนัยสำคัญที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาและอาจเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯในระยะเวลาอันใกล้ เช่น การเพิ่มทุน การร่วมทุน การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินหรือข้อพิพาทที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป 2. บริษัทไม่ทราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย และ 3. ไม่มีสารสนเทศอื่นที่บริษัทต้องการชี้แจง
- “วิจิตร อารยะพิศิษฐ” ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปกติไม่ได้มีการวิเคราะห์หุ้น TIPCO แต่วิเคราะห์ตัวลูกคือ ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) อย่างไรก็ตาม มองว่ามีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกัน เพราะเป็นโมเมนตัมเก็งกำไรที่เข้ามาต่อเนื่องจากหุ้น TASCO ที่มีแรงเก็งกำไรมานาน แต่หุ้น TASCO ราคาใกล้เต็มมูลค่าที่เหมาะสมแล้ว ขณะที่ TIPCO ยังถือว่าราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่าหุ้นแม่ (Laggard) และการที่ TIPCO ถือหุ้น TASCO ในสัดส่วน 23.49 % ก็ได้จะได้รับรู้ผลประกอบการนี้ด้วยเช่นกัน
- สำหรับมุมมองที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) TIPCO สูงไปถึง 353.24 เท่า ซึ่งสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ตามหลักของ พีอี คือเป็นการคิดราคาปัจจุบันกับผลประกอบการย้อนหลัง 4 ไตรมาสซึ่งเป็นการมองอดีต แต่ไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมาทิปโก้เพิ่งมีกำไรสุทธิ จากทีก่อนหน้านี้ผลประกอบการติดลบมาตลอด ซึ่งปกติในมุมมองของนักวิเคราะห์จะมองการคาดการณ์ผลประกอบรอนาคตเป็นหลัก
- คำแนะนำ จึงมองว่า TIPCO จะน่าเหมาะเป็นการ “เก็งกำไร” มากกว่า เหตุผลประกอบคือ มี 3 ข้อ คือ คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดีด้วยตัวเองแล้วเพราะปกติไตรมาส 2 จะเป็นไฮซีซั่นของกลุ่มเครื่องดื่มเพราะอากาศร้อน ขณะที่จะรับรู้ผลกำไรจากการถือหุ้นลูก TASCO ที่คาดว่าผลประกอบการออกมาดีเช่นกันแล้ว ยังมีรับรู้รายได้จากเงินค่าประกันจากเหตุไฟไหม้เข้ามา
“ปกติหุ้นที่ติด Trading Alert และ Cash Balance วันต่อมาจะมีการปรับลงตามปกติ โดยกรอบที่เก็งกำไรอยู่ที่ 10.80-12.10 บาท เพราะเทียบจากราคาต้นทุนเฉลี่ยของผู้ลงทุนที่เข้าซื้อไปอยู่ที่ 11.50 บาท เนื่องจากหุ้นลูกมีการเข้าซื้อและเก็งกำไรข่าวผลประกอบการมานาน”
- อย่างไรก็ดี ทั้ง TIPCO และ TASCO อาจยังไม่ได้เหมาะกับการซื้อเพื่อลงทุนะระยะยาว เพราะมองว่าการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของทั้ง 2 บริษัทแล้ว เนื่องจาก TASCO มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลประกอบจากที่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2563 ช้ากว่ากำหนด ซึ่งทำให้นโยบายที่จะใช้การลงทุนหรือการใช้ยางมะตอยก่อสร้างถนนมาช้ากว่าที่คาด โดยกิมเอ็งได้เปลี่ยนคำแนะนำ TASCO จากหุ้นที่ที่แนะนำซื้อไปเมื่อต้นปี เป็น Neutral แทน โดยให้ราคาที่เหมาะ 22 บาท
- เช่นเดียวกัน บล.เอเซีย พลัส ที่มองว่า TASCO ผ่านจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว จากที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 จะออกมาโดดเด่น ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และจากเงินประกันภัยที่รับเข้ามา 450 ล้านบาท และทำให้ปรับประมาณกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 8 % ในแต่อนาคตมีความเสี่ยงต่อผลดำเนินการได้จากกรณีที่ราคาขายยางมะตอยที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าและทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทล่าช้าตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลฉุดกำไรในครึ่งปีหลังลดลง จึงแนะนำจากซื้อเปลี่ยนเป็นไปลงทุนหุ้น บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) แทน
You must be logged in to post a comment.