HomeUncategorizedCEOต้องพร้อมมากกว่า 100% เพื่อส่งต่อพลังให้ทีม

CEOต้องพร้อมมากกว่า 100% เพื่อส่งต่อพลังให้ทีม

วันหนึ่งถ้ามีหนี้ 5,000 ล้านบาทขึ้นมา เราจะตั้งหลักและแก้ปัญหานี้อย่างไร? นี่คือคำถามที่ถามตัวเอง ขณะที่กำลังเริ่มสัมภาษณ์ซีอีโอหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ในออฟฟิศบริษัท วิลล่า คุณาลัย ย่านชานเมือง จ.นนทบุรี

แต่สำหรับเธอคนนี้ “ประวีรัตน์ เทวอักษร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือว่ามีเลือดนักต่อสู้และนักพัฒนาจากผู้เป็นคุณพ่อที่สร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ช่วงก่อนปี 2540 และครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตว่าที่ซีอีโอหญิงในอนาคตคนหนึ่งเริ่มพลิกผันพร้อมมีมุมมองความคิดที่เปลี่ยนไป เพราะนั่นคือ การช่วยคุณพ่อกู้สถานการณ์ทุกอย่างจนเคลียร์หนี้ทั้งหมดจบภายในปี 2549

ทัศนคติที่บวกเป็นสินทรัพย์ส่วนบุคคล

เธอย้อนวันวานให้ฟัง แต่แฝงไปด้วยทัศนคติเชิงบวกตลอดเวลาที่เธอบอกว่าได้มาจากคุณพ่อและคุณแม่มาเต็มๆ ภาพจำของเด็กหญิง ‘ประวีรัตน์’ ที่ตอนเด็กคุณพ่อเริ่มจากงานรับก่อสร้างก่อนมีคนแนะนำให้ทำธุรกิจอสังหาฯ วันหนึ่งที่ไปพบหาผู้ใหญ่ที่บ้านเขามีสระว่ายน้ำ และเรามีความอยากได้ พอตื่นเช้ามาที่บ้านก็มีเลย เพราะพ่อขุดให้แล้วเอาน้ำคลองใส่มา สิ่งที่พ่อทำให้เห็นคือ ทุกอย่างมันสามารถทำได้’ บางเรื่องไม่เห็นจะต้องเป็นแบบที่เรานั้นเลย แต่ก็สามารถทำในอีกแบบก็ได้

“ตอนแรกภาพในหัวรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีความหวังแล้ว แต่พอคิดว่าทุกอย่างสามารถซ่อมได้ สร้างใหม่ได้เหมือนกับบ้าน แค่ลองทำทีละสเต็ป จากไม่มีความหวังลองปรับทำให้เหลือเพียงศูนย์ ที่ไม่ได้ติดลบ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ จึงเริ่มเจรจาหนี้กับแบงก์ ลดหนี้ ปรับกระบวนการทำงาน คุยกับพันธมิตร ทุกอย่างที่ควรจะทำ จนผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้แลทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

เธอบอกว่า หลายๆ ครั้งที่เธอเจอปัญหามาพ่อกับแม่จะทำให้เราเปลี่ยนมุมมองทันที อย่างแรกเวลามีปัญหาจากที่เริ่มโวยวาย แม่ก็จะถามว่า “เอ๊ะ! มันเป็นอย่างไรกันนะ? ลองไปนวดหน้าก่อนมั้ย?” ก็ทำให้เราไปไม่ถูก ซึ่งความจริงความหมายของท่านคือ เวลาเจอเรื่องหรือปัญหาอะไรขอให้จับที่ใจเราก่อน (พร้อมทำท่าประกอบจับตรงหัวใจ) สิ่งที่พยายามสื่อถึง ถ้าเรานิ่ง ใจเย็นก่อน เราก็จะกลับมาแก้ปัญหานี้ได้

คำพูดสิ่งที่ทำให้เราจำไว้เสมอคือ “การที่เรารอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจหรือปัญหาทางการเงินมาได้แล้ว กระดูกเราแข็งแรงมาก ไม่มีใครทำอะไรได้แล้วนอกจากตัวของเราเอง ดังนั้น เวลาใจร้อน หรือมีปัญหาอะไรก็มักจะนึกถึงประโยคนี้ เพราะถ้าเราไม่รู้จักยืดหยุ่นใจเรา เราเองก็จะทะเลาะไปกับคนทั้งโลก ทำให้เข้าใจว่า การมีทัศนคติที่บวกถือเป็นสินทรัพย์ส่วนบุคคลที่ให้คนอื่นไม่ได้”

อดีตสอนว่าต้องนำวิชาการมาปรับใช้

วิกฤตทำให้เราต้องแก้โจทย์และคิดแบบเดิมไม่ได้ ต้องนำหลักวิชาการมาจับ เริ่มสำรวจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ทำโฟกัสกรุ๊ปเพื่อทำการตลาด หากลุ่มลูกค้าที่แท้จริงว่าคือใคร วิธีการที่จะต้องเจรจากับแบงก์ต้องมีการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลอย่างดี จนทำให้สามารถเสนอสินค้าแบบใหม่และแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่โดยรอบย่านนนทบุรีเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมาที่มีแต่บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์

คุณาลัยแจ้งเกิดจากการทำบ้านแฝดที่แยกฟังก์ชั่นชัดเจนในด้านอื่น มีแค่ส่วนที่ติดกันเฉพาะครัว เพราะที่ผ่านมามองว่าถ้าเรามัวหาแต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของตัวเอง การแก้ไขปัญหาก็ไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น ต้องหาจุดแข็ง เสริมสร้าง และพัฒนา จุดแข็งของเราตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นจุดแข็งของเราก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ดี จนจุดอ่อนไม่มีผลใดๆ ต่อจุดแข็งนั้นได้  

_OK_4672

แม้คุณาลัยคือชื่อโครงการที่มีเมื่อปี 2538 ซึ่งหลายคนไม่อยากให้ได้ แต่เพราะ ‘ประวีรัตน์’ ชอบในความหมาย ซึ่งหมายถึง“ที่อยู่แห่งลักษณะอันดีทั้งหลาย” และยังมีความแตกต่างกับคนอื่นในย่านเดียวกันที่เน้นไปในชื่อภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเธอมองว่า มีคุณค่ามากกว่านั่น เพราะนัยหนึ่งคือตำนานที่มีเรื่องราวการฝ่าฝัน ความหวัง และการสร้างสรรค์ใหม่ เราสามารถซ่อมและสร้างมันได้ จึงทำให้เกิดการตั้งบริษัทและเริ่มพัฒนาโครงการใหม่เมื่อปี 2550 เป็นต้นมา

จุดแข็งคือลงรายละเอียด&คิดเผื่ออนาคตลูกบ้าน

 ฟังก์ชั่นบ้านมีจิตวิทยาไปสู่ผู้นำของบ้านคือ “ผู้หญิง” เป็นบ้านที่แม่บ้านสบาย ฟังก์ชั่นพื้นที่บ้านออกแบบเพื่อผู้หญิงไม่ต้องเหนื่อยทั้งการดูแลรักษาแม้ต้องออกไปทำงานนอกบ้านมาแล้ว ซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิตครอบครัว อยู่สบาย แถมส่วนใหญ่มีเพื่อนบ้านที่ดีเพราะได้รับการแนะนำต่อ สิ่งเหล่านี้เราค่อยๆ โฟกัสและสร้างจุดแข็งของตัวเอง

จนปัจจุบันเรียกว่าได้สามารถออกผลิตภัณฑ์ที่เติบโตไปกับความต้องการของลูกบ้านที่อยู่ด้วยกันมา 10 ปี จากที่ครอบครัวหนึ่งอยู่ด้วยกัน จนแม่แนะนำให้ลูกมาซื้อโครงการอื่นๆ ต่อ เหมือนว่าทำทุกอย่างให้มีการเติบโตไปกับลูกบ้าน นั่นเพราะเรามีกิจกรรมระหว่างกัน การดูแลเอาใจใส่กันทั้งยามสุขและยามทุกข์เหมือนช่วงน้ำท่วม จนปัจจุบันมีสัดส่วนบ้านแฝด 60% บ้านเดี่ยว 30% ทาวน์โฮมสำหรับรุ่นลูกที่เคยอยู่กับครอบครัวประมาณเกือบ 10 % และที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์ที่รองรับความต้องการของลูกบ้าน

10 ปีที่ผ่านมา ต้องเอาองค์ความรู้และวิชาการมาจับให้ทันกับสถานการณ์ แม้ด้านหนึ่งเชื่อในเรื่องของแบรนด์ที่ต้องมีความแข็งแกร่งแต่ในรายละเอียดจะหยุดเปลี่ยนไม่ได้ เพราะทั้งหมดจะเป็นการมาช่วยตอกย้ำแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น

“เราลงรายละเอียดกับลูกค้า คิดเผื่ออนาคตของลูกค้า บนพื้นฐานความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็คือความพอดีในฟังก์ชั่น จะตัดส่วนที่เกินออกแล้วเพิ่มแต่ส่วนที่จำเป็นต่อชีวิตเข้าไป เช่น พื้นและขนาดห้องน้ำต้องไม่เล็กเกิน  พื้นที่ข้างล่างอาจจะโล่ง เพราะเราไม่ได้เป็นคนทำหน้าที่ให้บ้านสมบูรณ์ หน้าที่นี้คือลูกบ้าน เราเสนอให้ 80% และเตรียมสิ่งที่เชื่อว่าอนาคตจะช่วยให้เขาสมบูรณ์ขึ้น เพราะขนาดบริษัทเราเล็ก จึงต้องลงรายละเอียด ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นแบรนด์ Local ที่ไม่มีเสน่ห์ หรือยามที่เศรษฐกิจไม่ดีจะต้องใช้กลยุทธ์อย่างไรที่ทั้งเราและเขาวินวิน หากลูกค้ากู้แบงก์ได้ยากขึ้น เราจะทำอย่างไรยืดหยุ่นที่ทำให้เขากู้ไหว และสามารถโอนบ้านและให้ลูกค้าได้ เพราะค่าพื้นที่ตารางวาเท่านี้อาจจะเป็นค่าเทอมลูกเขาได้หลายเทอม”

4

คุณาลัยเป็นแบรนด์ Local อันดับต้นย่านนนทบุรี ที่ปัจจุบันมีแบรนด์อสังหาฯ รายใหญ่เริ่มขยายพื้นที่และมีราคาบ้านใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่เธอมองคือ การช่วยกันทำให้ดังดีกว่าทำแล้วมีแต่ความเงียบ เพราะอย่างน้อยมั่นใจว่า ข้อแตกต่างที่เห็นกันได้ชัดเจนคือ “ความรู้สึกในใจลูกบ้าน” ที่คนอื่นไม่มีเหมือนเรา เพราะเรากับเขาโตมาด้วยกัน มีความผูกพัน เหมือนความรู้สึกอุ่นๆ แบบ casual ที่วันนี้ได้นั่งไปในใจลูกค้าแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ จะรักษาความรู้สึกแบบนี้ไว้ได้อย่างถ้าในอนาคตบริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น

พื้นฐานศิลปะที่ช่วยสร้างความต่าง

‘ประวีรัตน์’ เป็นซีอีโอหญิงที่จบด้านศิลปะ จากภาควิชาศิลปศึกษา ครุศาสตร์บัณทิต จุฬาลงกร์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยม) และไปต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัย Creighton สหรัฐ ซึ่งเธอมองว่าพื้นฐานทางด้านศิลปะมีส่วนช่วยให้เธอวางรากฐานสร้างคุณาลัยแบบ Art & Science Collaboration ที่เป็นอิสระและแข็งแกร่งในขนาดที่พอดี

“ศิลปะทำให้เราลงละเอียดและรอบคอบปรับใช้กับงานและชีวิต โดยเฉพาะการสื่อสาร การบริหารจัดการ การออกแบบดีไซน์ ทำให้ทัศนียภาพที่ออกมาเป็นความงามที่เรียบง่าย พยายามที่จะถ่ายทอดเรื่องราว ผ่านการดีไซน์ จนแปลความจากสิ่งที่จินตนาการมาเป็นรูปธรรม เพราะเชื่อว่าทุกเรื่องราวล้วนมีศิลปะซ้อนอยู่ เหมือนกันโลโก้คุณาลัย สีน้ำเงินแสดงออกถึงความชำนาญที่เราเป็นเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ สีชมพูที่คือศิลปะที่มาช่วยสร้างความอบอุ่น ทำให้รู้สึกสดใสหรือมีชีวิต”

สโลแกนสุขใจอยู่บ้านชานเมือง

2นนทบุรีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ดีทั้งด้านประชากรและภูมิศาสตร์ที่ติดขนาบไปกับกรุงเทพที่ต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณะ จน 10 ปี ผ่านไปจึงเริ่มศึกษาและขยายพื้นที่การเติบโตไปยังชานเมืองแห่งที่ 2 จ.ฉะเชิงเทรา ทุ่มเวลาศึกษา 1 ปี และพบว่ามีความคล้ายคลึงนนทบุรีมาก ติดกรุงเทพใช้เวลาขับรถ 30 นาที มีถนนสายหลักคล้าย ถ.กาญจนาภิเษก มีการสร้างเมืองใหม่รองรับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อนาคตยังไปได้อีกไกล ความแตกต่างคือนนทบุรีจะมีบ้านที่เยอะกว่า แต่ฉะเชิงเทรามีพื้นที่ที่เป็นโรงงานมากกว่า ดังนั้นฟังก์ชั่นการออกแบบบ้านต้องปรับเปลี่ยน

เหตุผลที่ไป ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะเชื่อว่าการอยู่สิ่งแวดล้อมและปัญหาเดิมๆ จะทำให้กราฟและพลังงานในบริษัทตก ต้องสร้างความท้าทายใหม่และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้คนในองค์กร คำนึงเรื่องความเสี่ยงมากขึ้น เมื่อต้นปีก็เริ่มตัดสินใจซื้อที่ดิน ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บางส่วนแล้ว แต่ขอไปแบบเรื่อยๆ ไม่ได้ก้าวกระโดดที่เร็วเกินไป เพราะไม่อยากเกิดความผิดพลาดเหมือนอดีต

CEOใจต้องเกินร้อยเพื่อส่งพลังต่อให้ลูกน้อง

เราเป็นบริษัทขนาดเล็ก มีพนักงานไม่มาก ต้องทำให้พนักงานต้องอยู่ในจุดที่ฉายแสงได้ DNA องค์กรคือ “เรียนรู้ สู้งาน มีจริยธรรม อีโก้ต่ำ ความรับผิดชอบสูง” เพราะต้องรับสิ่งใหม่ให้ได้และไม่ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิม เมื่อถึงสถานการณ์หนึ่งต้องเลือกให้ถูกระหว่างการที่ต้องขายบ้านให้ได้ กับหากเจอปัญหาของบ้านหนึ่งแล้ว เขาจะมีวิธีการรายงานฝ่ายบริหารอย่างไร

“ไม่ว่าใครจะหน้าที่อะไร ต้องเจาะรูฉายแสงของตัวเองให้ดี คือต้องมีจุดเด่นในตำแหน่งที่อยู่หรือในงานที่ทำ เพราะมันจะช่วยสร้างพลังบวกในองค์กร เมื่อเห็นอีกคนฉายแสง ก็จะเกิดพลังที่อยากจะฉายแสงด้วย ทำให้คนๆ หนึ่งสามารถทำงานในส่วนอื่นที่ไม่ได้มีความชำนาญแค่ส่วนเดียว”

และทุกวันนี้เธออยู่ในจุดที่สามารถเลือกชีวิตได้เพราะสามารถทำในสิ่งที่รักทุกวัน และเป็นคนที่มีความสุขในการทำงานทุกวัน แต่ในฐานะผู้บริหารจะเตรียมตัวแค่ 100% ไม่ได้ แต่ต้องมีมากกว่า 100 % เพราะเราต้องคอยผลักดันอีกหลายสิบคนไปถึงเป้าหมายขององค์กรในแต่ละปี

_OK_4539

เมื่อเราอยู่ในจุดที่เลือกสถานที่ทำงานได้ พนักงานก็ต้องอยู่ในจุดนั้นได้เช่นกัน เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นคนในท้องถิ่นที่มาทำงานในบริษัท เขาสามารถเลือกปั่นจักรยาน หรือใช้เวลาเดินทางมาทำงานได้สะดวก ทำให้วิถีชีวิตประจำวันมีเงินเหลือมีชีวิตที่ดี  และที่นี่ก็มีแบบฟอร์มให้พนักงานได้เลือกทั้ง 5 แบบ เลือกใส่ตามความสุขและอารมณ์ของพนักงาน เพื่อสร้างจูงใจและพลังงานในการทำงาน และส่งต่อพลังงานให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ว่าจะต้องได้รับแต่พลังงานบวกและสิ่งที่ดีๆ จากเราไป

วันที่ต้องโตเข้าตลาดหุ้น

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการรอสำนักงานคณะกรรมการกำกัปหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ด้านหนึ่งคือเส้นทางที่ทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและสามารถดูแลผู้เกี่ยวข้องอย่างผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน แต่อีกเหตุผลคือ ปัจจุบันที่ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานที่เท่าเทียมจากเทคโนโลยีหรือข้อมูลข่าวสาร ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าแรง โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินที่คุยกับสถาบันการเงิน การเป็นบริษัทขนาดเล็กและเป็น Local ไม่ได้มีความแตกต่างกับบริษัทพัฒนาอสังหาฯ แบรนด์ดังๆ ทั่วไป ดังนั้นเราต้องทำให้ตัวเองให้ได้มาตรฐานเพื่อพร้อมไปสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินที่เท่ากับกับคนอื่น

ไม่ได้เร่งรีบ มีการเตรียมตัวมาตั้งแต่ตั้งบริษัทจากสามีที่เพราะความเป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักการเงินเขาแนะนำให้ทำทุกอย่างเข้าระบบ วางแผนระยะยาวจะทำให้บริษัทอยู่อย่างไรอย่างยั่งยืน จน 10 ปีที่สร้างความมั่นคงได้ เตรียมตัวอีก 2 ปี แล้ววันนี้ก็ใกล้มาถึง

“เราไม่ได้บอกว่ากลัวบริษัทใหญ่ เพราะถ้าเรามัวกลัวก็จะไปต่อไม่ได้ มาเพราะเราพร้อม แม้มีขนาดเล็ก แต่เราจะเป็นบริษัทที่เล็กแต่โดดเด่นที่มีความเชี่ยวชาญในบ้านชานเมืองที่เป็นตลาดเฉพาะด้าน (Niche Market) เมื่อแผนธุรกิจเราชัด มีความชำนาญเพียงพอ ก็ต้องลุย ที่เพราะเล็กดังนั้นจึงต้องเป็นบริษัทที่มีการเติบโตหรือ Growth Stock ชัดเจน”

ชีวิตไม่สามารถสมบูรณ์แบบครบทุกด้าน

เธอเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนและ CEO ที่ต้องดูแลลูกน้อง เป็นแม่ของลูกทั้ง 3 คน เป็นลูกที่ดูแลพ่อแม่ และเป็นภรรยาที่ดีของสามี เธอตอบเลยว่า เธอไม่สามารถทำหน้าที่ทุกอย่างได้ดี หากเธอต้องเป็นซีอีโอที่โดยหลักต้องดูแลบริษัท แต่เธอพอใจกับการรักษาความสมดุลทุกอย่างได้ในแบบที่เธอพอใจ นั่นเพราะเลือกมีความสุขในแบบง่ายๆ

“ถ้าบอกว่าตัวเองทำดีที่สุดในทุกหน้าที่ คงไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นแม่ที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เลือกสร้างความสมดุลในทุกบทบาทและก็เชื่อว่าทุกคนก็มีความสุขในความสมดุลที่เธอทำ อย่างวันนี้ก็บอกกับสามีว่าคิดถึงไม่ค่อยได้เจอกัน สามีก็ลางานมานั่งรอที่ออฟฟิศทั้งๆ ที่เราก็มานั่งทำงาน เขาแค่มานั่งรอข้างนอก แต่ก็เหมือนเราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน มาช่วยเติมเต็มให้กันของชีวิตคู่”

ปัจจุบันเธออายุ 46 ปี การมีชีวิตถึงตรงนี้ได้ สำหรับเธอคือความสำเร็จและภูมิใจขั้นหนึ่งแล้ว เพราะได้ช่วยคุณพ่อปรับโครงสร้างหนี้ได้ ฟื้นฟูแบรนด์คุณาลัยกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง บนความสุขใจอยู่บ้านชานเมืองย่านนนทบุรีและกำลังแผ่ขยายไปยังชานเมืองแห่งที่ 2 อย่างฉะเชิงเทราอีก ถึงเวลานั้นต้องดูว่าคุณาลัยจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้กับคนชานเมืองต่อไปขนาดไหน