คำถามนี้มันเป็นคำถามสุดคลาสสิค สำหรับคนที่เริ่มสนใจการลงทุนในหุ้นแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร คิดว่าอยากลงทุนในหุ้นแต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีเงินเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นได้หรือไม่ หรืออยากจะลงทุนด้วยจำนานเงินน้อยๆก่อน เช่น 1,000 บาท วันนี้ Radars Man จะมาไขข้อข้องใจสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนแต่ยังมีงบไม่เยอะให้เองครับ
1,000 บาทเริ่มต้นลงทุนได้หรือไม่
Radars Man ขอตอบเลยว่า ได้!!! หากเป็นเมื่อก่อนอาจจะยากเพราะในสมัยก่อนนั้น เวลาเราจะไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น (หรือที่เรามักจะเรียกว่าเปิดพอร์ตหุ้น) ทางโบรกเกอร์มักจะขอดู Statement ของเราซึ่งบางโบรกเกอร์นั้นมีขั้นต่ำของ Statement ที่สูงมาก เช่น 50,000 บาทต่อเดือน ทำให้คนเงินน้อยแทบไม่มีโอกาสเปิดพอร์ตได้เลย
แต่ในปัจจุบัน ด้วยจำนวนโบรกเกอร์ที่มากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันของโบรกเกอร์สูงขึ้นเช่นกัน ทำให้บางโบรกเกอร์ใช้ Statement เป็นเพียงหลักฐานประกอบเท่านั้นไม่ได้กำหนดจำนานเงินขั้นต่ำ หรือบางโบรกเกอร์ใช้แค่หน้าสมุดบัญชีธนาคาร (Bookbank) ก็เพียงพอแล้ว ทำให้การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นทำได้ง่ายขึ้นมาก
ขั้นตอนการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
1. สมัครเปิดบัญชีออนไลน์ในเว็บของโบรกเกอร์ที่สนใจ
2. ส่งหลักฐานการเงินต่างๆ ให้ทางโบรกเกอร์ตรวจสอบ
3. เมื่อตรวจสอบสำเร็จจะได้รหัสผ่านสำหรับเข้าไปซื้อขายหุ้นในเว็บหรือแอพพลิเคชั่นของทางโบรกเกอร์
ระหว่างรอเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
ในระหว่างที่เราส่งหลักฐานเอกสารต่างๆไปให้ทางโบรกเกอร์นั้น ซึ่งปกติจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 เดือน (อาจจะน้อยกว่าแล้วแต่โบรกเกอร์) อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า Radars Man จะขอแนะนำหนังสือสำหรับผู้ที่สนใจในหุ้น หนังสือเหล่านี้จะช่วยปูพื้นฐานการลงทุน และที่สำคัญเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่มากๆ
1. ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต
เล่มแรกเรียกได้ว่าเป็นหนังสือระดับตำนาน ผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นควรอ่าน ภายในเล่มจะเป็นบทความที่สั้นๆ ที่ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เขียนได้บอกเล่าประสบการณ์ในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะช่วงตลาดพุ่งทะยานหรือช่วงวิกฤติเศรษกิจ จะทำให้เราเข้าใจธรรมชาติและอารมณ์ของตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น
ผู้เขียน ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
2. นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์ : Gone Fishing with Buffett
เล่มนี้จะเป็นเรื่องสั้นระหว่าง “ฌอน นักลงทุนมือใหม่” กับ “ชายชรานักตกปลา” หนังสือจะค่อยๆ สอนวิธีคิด วิธีการลงทุนผ่านตัวละครทั้งสอง ด้วยความที่เป็นเรื่องสั้นทำให้อ่านง่ายและเราจะได้เห็นถึงความแตกต่างทางความคิดของนักลงทุนมือใหม่กับชายชรานักตกปลาที่ลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่าซึ่งคอยชี้นำและสอนให้นักลงทุนมือใหม่ เข้าใจในการลงทุนในหุ้นมากยิ่งขึ้น
ผู้เขียน Sean Seah (ฌอน เซีย)
3. เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน
เล่มนี้เป็นหนังสือ How to สำหรับลงทุนในหุ้นแบบ VI หรือ Value Investor โดยจะเริ่มปูพื้นฐานกันตั้งแต่กระบวนการคิดหรือ Mind Set สำหรับนักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จและไล่เรียงไปจนถึงวิธีการลงทุนในหุ้นให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักลงทุนมือใหม่สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้
ผู้เขียน กวี ชูกิจเกษม
เมื่อได้บัญชีซื้อขายหุ้นแล้ว
หลังจากที่ทางโบรกเกอร์ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ สำเร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญนั่นคือ “การซื้อหุ้นตัวแรก” นั่นเอง Radars Man มีคำแนะนำสำหรับหุ้นตัวแรกที่ควรจะซื้อเข้าพอร์ตดังนี้
1. ควรซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 10 บาท
เนื่องจากการซื้อขายหุ้น ทางตลาดหลักทรัพย์จะบังคับให้ซื้อทีละ 100 หุ้น ดังนั้นถ้าเราซื้อหุ้น XYZ (ชื่อสมมติ) ราคา 5 บาท เราต้องซื้อจำนวน 100 หุ้น เราก็จะเสียเงินทั้งหมด 500 บาท ซึ่งการซื้อหุ้นครั้งแรกมักจะขาดทุนอยู่แล้วเพราะเราไม่มีความรู้ แต่เราจะเข้าใจการทำงานของตลาดหุ้นมากขึ้น
2. ควรซื้อหุ้นที่เรารู้จัก
นอกจากเรื่องราคาแล้วเราก็ควรซื้อหุ้นที่เรารู้จักด้วย แม้เราจะดูงบการเงินของหุ้นตัวนั้นไม่เป็นเลยก็ตาม อย่างที่เคยบอกไปว่า หุ้นคือกิจการธุรกิจอย่างหนึ่งไม่ใช่ตัวเลขวิ่งไปวิ่งมาเฉยๆ ให้เราคิดว่าเรากำลังจะซื้อกิจการนั้นๆ เราอยากซื้อกิจการที่ได้กำไรทุกปีหรืออยากได้กิจการที่ขาดทุนทุกปี(ในตลาดหุ้นมีแบบนี้เยอะด้วยซิ) วิธีที่ง่ายที่สุดคือไปหาว่าเราสนใจธุรกิจใด แล้วธุรกิจนั้นมีในตลาดหุ้นหรือไม่ นอกจากนั้นก็ดูว่าลูกค้าเยอะหรือไม่ ไปลองใช้บริการดูว่าพนักงานบริการดีไหม คิดเหมือนว่าเราจะซื้อกิจการนั้นเลย
หุ้นตัวแรกในพอร์ต
หลังจากเลือกเฟ้นหุ้นตัวแรกมาอยู่ในพอร์ตเราแล้ว เราก็จะได้เห็นว่าราคามันขึ้นๆ ลงๆ ทุกวัน ซึ่งเราอาจจะตื่นเต้นทุกครั้งที่หุ้นในพอร์ตกำไร หรือปวดใจทุกรอบที่เห็นราคาที่เคยซื้อต่ำลง แต่นี่แหละคือธรรมชาติของหุ้น ในระยะสั้นราคาอาจจะมีขึ้นมีลง ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ในระยะยาวถ้าคุณซื้อบริษัทที่ดี ราคาของหุ้นจะเพิ่มขึ้นเองตามผลประกอบการ การที่หุ้นตัวแรกของเราจะกำไรหรือขาดทุนไม่ได้บ่งบอกว่าเราเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่หุ้นตัวแรกนี้คือ “ค่าเล่าเรียน” เพื่อดูว่าเราจะอยู่กับตลาดหุ้นได้หรือไม่ แต่หุ้นตัวต่อไปต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ในการเลือกมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ไม่ควรมาเลือกมั่วๆ แบบหุ้นตัวแรก
สำหรับเพื่อนที่อยากได้ความรู้เรื่องการลงทุนใหม่ๆ สามารถติดตาม Radars Man ได้ที่
Facebook https://www.facebook.com/stockradars/
Line https://line.me/R/ti/p/@stockradars
You must be logged in to post a comment.