1. ชำระหนี้ (Pay for expenses)
เมื่อหนี้ลด ดอกเบี้ยที่ต้องคอยจ่ายก็จะลดลง และแน่นอนครับ ทำให้เกิดสภาพคล่องในการบริหารงานมากขึ้น
2. ขยายกิจการเพิ่มเติม (Expansion growth)
เพิ่มโอกาสการทำกำไรให้กับบริษัทครับ อาจจะเป็นการขยายกิจการได้ โดยไม่ต้อง “เพิ่มทุน” นั่นก็เหมือนกับมีหนทางทำกำไรมากขึ้น โดยใช้ทุนเท่าเดิมครับ
3. ตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยการจ่ายปันผล (Dividend)
บางครั้งอาจจะจ่ายในรอบ 6 เดือน หรือ 12 เดือนขึ้นอยู่กับกับนโยบายแต่ละบริษัทครับ ที่สำคัญนักลงทุนบางท่าน เลือกบริษัทที่จ่ายปันผลต่อเนื่องและเติบโตขึ้นสม่ำเสมอด้วย เพราะนั่นเหมือนเพิ่มผลตอบแทนให้กับเราอีกครับ
4. ซื้อหุ้นคืน หรือเรียกภาษาบ้านๆว่า “ลดตัวหาร” (Redemption)
เป็นการแสดงศักยภาพว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี จนสามารถกลับมาซื้อหุ้นคืนได้ครับ บางท่านบอกว่า ช่วงนี้เป็นเหมือนช่วงที่เขากระซิบบอกเรา ว่าผลงานเขาดีแล้วนะ จับตาดูราคาหุ้นให้ดีครับ เพราะมันอาจจะโชว์ให้พวกเราเห็นในไม่ช้า
และอีกมุมหนึ่งครับ การได้กำไรมายังทำให้อัตราส่วนต่างๆ ของหุ้นเปลี่ยนไปด้วย อย่างเช่น อัตราส่วนกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) จะเพิ่มขึ้น หรือ ถ้าบริษัทนำกำไรที่ได้ไปชำระหนี้ ก็จะทำให้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ลดลงไปด้วยครับ นั่นทำให้พวกเราเห็นการเติบโตของธุรกิจนั้น ถ้าเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ แล้วกำไรที่ว่ายังเติบโตสม่ำเสมอด้วย ก็ถือเป็นหุ้นเกรด A เลยครับ