เหตุการณ์ที่มักจะเกิดกับพวกเราเป็นประจำๆ มักจะเป็น ขายปุ๊บ ขึ้นปั๊บ!! ทำไมชอบเป็นแบบนั้นนะครับ ลองมาหาคำตอบกันไม๊
อย่างตอนถือไว้ หุ้นไม่ไปไหนเลย แต่พอตัดใจ ขายปุ๊บ!! วิ่งขึ้นแรงมาก แล้วเราก็มาบอกกับตัวเองว่า สงสัยดวงเราจะไม่ถูกกับหุ้นตัวนี้แน่ๆ เลย ฮ่าๆๆๆ มันจริงหรอครับ ผมว่าเรามาลองสังเกตกันหน่อยดีมั๊ย
1) เลือกเข้าซื้อผิดจังหวะ
ช่วงที่เราถือ เป็นตอนช่วงราคา Side way หรือ ไม่มีแนวโน้มรึเปล่า ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่คนซื้อ สลับขายอยู่ตลอด เหมือนเราโดนเหวี่ยง จนวันนึงพวกเราส่วนใหญ่ทนไม่ไหว ยอมขายออกไปหมด ตอนนี้ก็เหลือแต่ฝั่งคนซื้อที่ชนะ ไม่ค่อยมีคนขายแล้ว ซื้อกันอย่างเดียว หุ้นก็ขึ้นรุนแรงสิครับ นั่นทำให้พวกเราที่ตัดใจขายไป บอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่า “รู้อะไร ไม่สู้ รู้งี้” ฮ่าๆๆๆๆ วันหลังก็ลองสังเกตช่วงเข้าซื้อดูสิครับ ว่าตอนซื้อ หุ้นกำลังเริ่มออกตัว หรือว่า กำลังงงๆ ไม่รู้จะไปทางไหนกันแน่
2) แรงซื้อ ชนะ แรงขาย
เราไปเลือกซื้อช่วงที่ราคาเหวี่ยงไปมากๆ แล้ว คนที่กลัว จะตัดใจขายออกไป กลายเป็นช่วงขายมากเกินไป ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่จะมาซื้อหมูที่เราขาย จากการดูเรดาร์ RSI Oversold Turning หรือ ช่วง RSI น้อยๆ อย่าง 30 ที่บอกคอยว่าตอนนี้ หุ้นตัวนี้ถูกขายมากเกินไปแล้วนะ คนกลัวปล่อยของแล้ว คนกล้าก็จะเข้ามาเก็บ นั่นทำให้มี Volume ซื้อสวนเข้ามาแทน ซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นก็ Turn กลับขึ้นไปล่ะครับ
3) จ้าวเหวี่ยงให้ออก เพื่อเก็บของ
เราอาจจะโดนเหวี่ยงออกในตอนที่ ราคาวิ่งอยู่ในกรอบเดิม ไม่ขยับไปไหนมาก และ Volume หายไป เขาว่ากันว่า รายใหญ่เก็บของครับ จนได้ของครบ หรือเก็บ Volume ที่พวกเราขายออกจนหมดแล้ว หุ้นเลยเริงร่า ขึ้นอย่างฉับพลัน ฮ่าๆๆๆๆ ก็แล้วแต่เราจะวิเคราะห์เลยครับ